ถาม-ตอบทุกหมวดหมู่
แสดง 1 - 20 จาก 869
หน้า
- อยากรู้รหัสทะเบียนเกษตรกร 3560300938152นักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 27 กันยายน 2566แนะนำให้เกษตรกร โทร.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโดยตรง ได้ที่ โทร. 0 2579 3926 หรือที่ไลน์ @yzd6514b กรณีทำสมุดทะเบียนเกษตรกรหาย และต้องการทราบเลขรหัสทะเบียนเกษตรกร 12 หลัก ติดต่อ สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือแจ้งชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน เหตุผลที่ต้องการเลขรหัส และข้อมูลด้านการเกษตร พืชที่ปลูก เนื้อที่ปลูก และเขียนกำกับว่าใช้เพื่อขอข้อมูลเกษตรกรผ่านช่องทาง Facebook ทางอินบ็อกซ์ Facebook Digital DOAE ได้ที่ https://web.facebook.com/digitaldoae/ ได้อีกช่องทางหนึ่งค่ะ
อ่านต่อ - เรียนถามว่า ใบโหระพาจากรูป เป็นโรคอะไร และจะป้องกัน/แก้ไข อย่างไรครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 27 กันยายน 2566อาการคล้ายโรคราน้ำค้างค่ะ การป้องกันและการจัดการ 1. เลือกเมล็ดพันธุ์ที่ปลอดโรค คลุกเมล็ดหรือแช่ด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา 2. กำจัดวัชพืช และเว้นระยะการปลูกให้พอเหมาะ เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก 3. ลดความชื้นในแปลงโดยหลีกเลี่ยงการให้น้ำในตอนเย็น เนื่องจากทำให้เกิดความชื้นสูงในเวลากลางคืนและมีสภาพเหมาะสมต่อการเกิดโรคได้ 4. หลังการเก็บเกี่ยว ให้ทำความสะอาดแปลง ทำลายเศษซากพืชที่หลงเหลือในแปลงเป็นการขจัดแหล่งระบาดของโรค 5. หลีกเลี่ยงการปลูกซ้ำที่ที่เคยมีการระบาด หรือการปลูกพืชหมุนเวียนที่ไม่ใช่พืชอาศัยของโรคราน้ำค้าง 6. การป้องกันกำจัดโดยชีววิธี ด้วยการใช้ชีวภัณฑ์เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราปฏิปักษ์ เช่น แบคทีเรียบาซิลลัส และเชื้อราไตรโคเดอร์มา ควรใช้เพื่อป้องกันก่อนพืชเริ่มแสดงอาการ ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน ถ้าพบอาการให้ฉีดพ่นทุก 3 วัน
อ่านต่อ - ขอสอบถามวิธีกำจัด หอยเจดีย์เล็ก ด้วยครับ...ใช้เหยื่อล่อ เมทัลดีไฮด์ ก็ไม่ยอมกินนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 26 กันยายน 2566เท่าที่อ่านจากคำถามที่ส่งมา เข้าใจว่า ปัญหาคือหอยฯ ไม่ยอมกินเหยื่อล่อ จึงขอนำวิธีกำจัดหอยเจดีย์ที่ชาวสวนผักกางมุ้งนิยมปฏิบัติมาแนะนำ โดยการนำกากถั่วลิสงมาแช่น้ำหนึ่งวันให้เปลือกถั่วพองแล้วคลุกกับปลายข้าวและเมไธโอคาร์บ ผึ่งแดดพอหมาด นำไปหว่านตามแปลงเพื่อการป้องกันกำจัด ในการทดลองใช้เหยื่อชนิดเม็ดเล็กขนาด 2x4 มม. ทดสอบโดยหว่านในแปลงผัก พบว่าหอยกินเหยื่อพิษนี้และตายภายใน 2 วัน ส่วนเหยื่อพิษที่เหลือสลายตัวไปภายใน 2 สัปดาห์ นอกจากการใช้สารเคมีก็คือ เมื่อเก็บผักแล้ว ควรพรวนและตากดินเพื่อปรับสภาพให้ไม่เหมาะสมกับการแพร่ขยายพันธุ์ของหอยเจดีย์ โดยเอามุ้งออกหรือเปิดให้มากที่สุด การตากให้ผิวดินแห้งชั่วระยะเวลาหนึ่ง แทนที่จะปลูกติดต่อกันไปในทันที ก็จะช่วยกำจัดหอยและไข่หอยให้แห้งตายไป อินทรียวัตถุต่าง ๆ ที่นำมาใส่ในแปลง ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยคอกหรือฟางคลุมแปลง ควรป้องกันไม่ให้มีหอยเจดีย์และไข่ติดมา โดยเกลี่ยปุ๋ยคอกให้หนาประมาณ 1 นิ้ว หรือกองเป็นกองเล็ก ๆ นำเศษหญ้า เศษฟางมาสุมเผาไฟก่อนนำไปใส่แปลงผัก ส่วนฟางอาจนำมาแช่น้ำ 12-24 ชั่วโมงก่อนนำไปคลุมแปลง ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ก็จะเป็นการป้องกันที่ดีอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ได้แนบวิธีป้องกันกำจัดหอย จาก เอกสารวิชาการเกษตร คำแนะนำ การป้องกันกำจัดแมลง-สัตว์ศัตรูพืชอย่างปลอดภัย...จากงานวิจัย 2563 ไว้ในภาพประกอบด้านล่าง
อ่านต่อ - Ammonium lauryl sulfate และ Ammonium laurate sulfate สามารถนำมาใช้ปรับสภาพดิน ได้เหมือนกันหรือไม่นักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 25 กันยายน 2566เหมือนกันค่ะ เป็นสารลดแรงตึงผิวประจุลบ คล้ายๆ สารจับใจ แต่ไม่แนะนำ หากต้องการลดความหนาแน่นของดิน แนะนำเพิ่มอินทรียวัคถุลงไปในดิน หรือใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น มูลสัตว์ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ฯลฯ สารประกอบทางเคมีในรูปแอมโมเนียมลอริลซัลเฟต (Ammonium lauryl sulfate, ALS) เป็นสารลดแรงตึงผิวฤทธิ์อ่อนที่มีประจุลบ มีการใช้สารชนิดนี้แก้ปัญหาการอัดแน่นของดินและการเคลื่อนที่แทรกซึม และการซึมลงของน้ำในดิน เมื่อใส่สารแอมโมเนียมลอริลซัลเฟตลงในดิน ประจุลบของอนุมูลซัลเฟตจะดึงโมเลกุลของน้ำที่ดูดอยู่ที่ผิวดินโดยการเกิดพันธะไฮโดรเจนกับไฮโดรเจนอะตอมน้ำ ทําให้โมเลกุลของน้ำบางส่วนโดยเริ่มจากชั้นนอกนอกสุดถูกดึงออกไปจากผิวดินทําให้ดินที่เคยแน่นมีความแน่นน้อยลง และจากงานวิจัย เรื่อง เปรียบเทียบการจัดการดินแบบต่างๆ และการใช้สารแอมโมเนียมลอเลทซัลเฟต ต่อคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของดินเค็ม ระบุว่า การจัดการดินแบบต่าง ๆ ร่วมกับการใช้สารแอมโมเนียมลอเลทซัลเฟต (Ammonium Laureth Sulfate-ALS) ในอัตราต่าง ๆ สามารถลดการแน่นทึบของดินได้ดีขึ้น ผลการทดลองพบว่า การใช้สาร ALS อัตรา 100 มิลิลิตรต่อไร่ สามารถเพิ่มความแทรกซึมน้ำของดินในภาคสนามได้ดีกว่าการใช้สารในอัตราอื่นและไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสามารถในการแทรกซึมน้ำเร็วขึ้นในแปลงที่ทำลายชั้นดานเท่านั้น ยังช่วยลดความเร็วของอัตราดังกล่าวให้เหมาะสมด้วย หากต้องการใช้สาร ALS ให้มีประโยชน์อยู่นานกว่า 1 ปี ต้องปลูกโสนแอฟริกันสับกลบพร้อมแกลบและไถลึก นอกจากนี้ยังพบว่าการเพิ่มอัตราของสาร ALS เพิ่มการซาบซึมน้ำในห้องปฏิบัติการ จากการวิเคราะห์สมบัติทางเคมีของดิน พบว่ามีความเค็มลดลงจากผิวหน้าดินในระดับ 0-20 เซนติเมตรในพื้นที่ที่มีการจัดการแบบเข้มข้น และทำให้ปฏิกิริยาดินที่เหมาะสมระหว่าง 6.91-7.19 เกิดขึ้นบนพื้นที่ที่มีการจัดการดินแบบเข้มข้นโดยเป็นผลจากอิทธิพลของอินทรียวัตถุที่ใช้ เนื่องจากค่าปฏิกิริยาดินแตกต่างจากการจัดการทั้งสองแบบ
อ่านต่อ - สอบถามครับ พบเจอแมลงในแปลงกระเจี๊ยบแดงครับ ไม่ทราบว่าชื่อของแมลงคืออะไรครับ ทำลายกระเจี๊ยบอย่างไร และป้องกันกำจัดอย่างไรครับ รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 22 กันยายน 2566ผีเสื้อกลางคืน จำพวกมอธ Jujube lappet moth ชื่อวิทยาศาสตร์คือ (Streblote siva) วงศ์ Lasiocampidae ส่วนมากทำลายพืชตระกูลพุทรา การป้องกันทำได้โดยพ่นสารสกัดจากพืช เช่น สะเดา น้ำหมักตะไคร้หอม หรือน้ำส้มควันไม้เพื่อให้มีกลิ่นไล่ ใช้เหยื่อพิษล่อตัวเต็มวัย โดยใช้ผลไม้สุก เช่น ขนุนสุก หรือสับปะรดตัดเป็นชิ้น ๆ หนาประมาณ 1 นิ้ว แล้วจุ่มในสารกำจัดแมลงคาร์บาริล 85% WP หรือคาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ 50%SP อัตรา 5 กรัมผสมน้ำ 1 ลิตรแช่ประมาณ 5 นาที นำเหยื่อพิษไปแขวนไว้ที่ต้น หรือดัดแปลงกับดักเหยื่อพิษโดยใช้ขวดน้ำพลาสติกใช้แล้ว ตัดให้เป็นรู 2 รู ขนาดพอที่ผีเสื้อเข้าไปได้ ผสมกากน้ำตาล 100 มิลลิลิตร สารกำจัดแมลงคาร์บาริล 85% WP หรือคาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ 50%SP อัตรา 5 กรัมผสมน้ำ 1 ลิตร แล้วเทสารผสมใส่ขวดประมาณ 20 มิลลิลิตร นำไปแขวนกับดักรอบ ๆ สวน มวนแดงฝ้าย ทำลายกระเจี๊ยบแดงโดยการเจาะดูดกินฝักและเมล็ด ทำให้ฝักไหม้ แห้ง และหลุดร่วง วิธีป้องกันกำจัด ทำได้โดย 1. จับตัวเต็มวัย ตัวอ่อน และไข่ทั้งหมดทำลายเสีย โดยจับตัวเต็มวัย ตัวอ่อนและไข่ในช่วงก่อนฤดูผสมพันธุ์ เข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ และวางไข่ ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม โดยจับตัวเต็มวัยด้วยการเขย่าลำต้นและกิ่ง หลังจากนั้น ค่อยจับทำลายไข่และตัวอ่อน 2. การตัดแต่งกิ่งเพื่อไม่ให้ทรงพุ่มหนาทึบจะช่วยไม่ให้ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยมาหลบอาศัย อีกทั้งช่วยในการกำจัดตัวเต็มวัยหรือตัวอ่อนขณะตัดแต่งกิ่งได้ด้วย 3. การใช้แตนเบียนในการกำจัดไข่และตัวอ่อน โดยเลี้ยงแตนแบนชนิดต่าง ๆ ไว้ในสวน 4. การใช้สารเคมีพ่น โดยเฉพาะในช่วงเดือนผสมพันธุ์และวางไข่ ได้แก่ – Carbaryl (Savin 85% WP) อัตราส่วนผสมที่ 45-60 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร – Lambdacyhalothrin (Karate 2.5%EC) อัตราส่วนผสมที่ 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ** ทั้งนี้ การพ่นสารเคมีควรเว้นในช่วงออกดอก เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นอันตรายต่อแมลงผสมเกสร หรือช่วงที่มีการปล่อยแตนเบียนในไร่ ด้วงหนวดปมจุดเหลืองดำ (Common tuftbearing longhorn) พืชอาหารจะเป็นพวกไม้ยืนต้น เช่น ไม้ป่า และไม้ผล โดยระยะหนอนเข้าทำลายพืชตั้งแต่ส่วนโคนราก โคนต้น ลำต้น และกิ่ง อาจทำให้ลำต้นหักโค่นหรือตายได้ ตัวเต็มวัยจะกัดกินเปลือกและเนื้อไม้ตามกิ่งอ่อน หรือลำต้น และมีนิสัยชอบกัดแทะเปลือกกิ่งหรือลำต้นเพื่อวางไข่ การป้องกันกำจัดทำได้โดย ใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชประเภทดูดซึมชนิดเม็ด เช่น ไดโนทีฟูแรน รองก้นหลุมก่อนปลูก หรือใช้สารคลอไพรีฟอส 40 EC ผสมน้ำอัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ราดดินรอบโคนต้นเพื่อให้ต้นไม้ดูดซึมเข้าสู่ลำต้นและออกฤทธิ์กำจัดหนอนที่อยู่ภายในลำต้น หรือพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่กิ่งและลำต้นในช่วงที่พบตัวเต็มวัย กรณีพบไม่มากอาจใช้วิธีเก็บออกมานอกแปลงก็ได้ค่ะ
อ่านต่อ - หมดเขตขึ้นทะเบียนเกษตรกรหรือยังคะ เป็นเกษตรกรปลูกผักค่ะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 20 กันยายน 2566สำหรับพืชผัก สามารถแจ้งหลังปลูกแล้วไม่น้อยกว่า 15 วัน หากปลูกพืชกลุ่มนี้ติดต่อกันเป็นรุ่น ๆ ตลอดปี แนะนำให้แจ้งปรับปรุงทุกครั้งที่เปลี่ยนชนิดพืชนะคะ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม โทรสอบถามได้ที่ 0 2579 3926 หรือที่ไลน์ @yzd6514b กรุณาเลือกฝากคำถามเพียง 1 ช่องทางเพื่อความรวดเร็วในการตอบกลับข้อความ หรือสอบถามผ่านทางบริการตอบข้อมูลทางแชท ได้ที่เพจ Digital DOAE เวลา 08.30-16.30 น. ในวันและเวลาราชการ
อ่านต่อ - สอบถามครับใบกระท่อมเป็นแบบนี้เกิดจากอะไรครับ แล้วสามารถแก้ไขยังไงได้บ้างครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 20 กันยายน 2566อาการคล้ายขาดแมกนีเซียมและเหล็ก ซึ่งเป็นธาตุอาหารพืช และสังเกตอาการได้ดังนี้ - ถ้าขาดธาตุแมกนีเซียม พืชเจริญเติบโตผิดปกติ ใบล่างจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแต่เส้นใบยังคงเขียวอยู่ ขอบใบงอเข้าหากันและเปราะง่าย ใบแก่จะเหลืองและร่วงหล่นเร็ว - ถ้าขาดธาตุเหล็ก ใบอ่อนและใบส่วนยอดของพืชจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเส้นใบเขียว ต่อมาจะขาวซีด จะเกิดการตายจากยอดลงมา โดยที่ใบส่วนล่าง ๆ ยังมีสีเขียว เบื้องต้นแนะนำให้ใส่ปุ๋ยคอกเก่า และปุ๋ยเคมี สูตร 16 16 16 + 15-0-0 + 26.5 CaO (2/1) หรือ 25-7-7 เสริมด้วยแคลเซียม-โบรอน แมกนีเซียม สังกะสี เหล็ก หรือสารคีเลต หรือพ่นปุ๋ยทางใบ 20-20-20+TE หรือ 30-20-10+TE และช่วงนี้อากาศร้อนจัด ควรให้น้ำพืชอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ใบกลับมาเขียว และเจริญเติบโตได้ตามปกติ และแนะนำให้ใส่ปุ๋ยเคมีทีละน้อย ๆ หลังจากใส่ปุ๋ยต้องให้น้ำจนดินชุ่มทุกครั้ง
อ่านต่อ - เราขึ้นทะเบียนเกษตรอยู่แล้ว มีเหตุย้ายที่อยู่จึงต้องย้ายชื่อมาทะเบียนบ้านญาติ ทีนี้ญาติก็ขึ้นทะเบียนเกษตรกรอยู่แล้ว เราสามารถย้ายมาได้ไหมนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 13 กันยายน 2566หากเกษตรกรย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่กับญาติ เกษตรกรจะต้องให้ญาติไปติดต่อที่ สำนักงานเกษตรอำเภอเพื่อเพิ่มแปลงทำกินของตัวเกษตรกรเข้ามาด้วย และเพิ่มให้ตัวเกษตรกรเป็นผู้ช่วยทำการเกษตรค่ะ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโดยตรง ได้ที่ โทร. 0 2579 3926 หรือที่ไลน์ @yzd6514b หรือผ่านช่องทาง Facebook ทางอินบ็อกซ์ Facebook Digital DOAE ได้ที่ https://web.facebook.com/digitaldoae/ ได้อีกช่องทางหนึ่งค่ะ
อ่านต่อ - ขอสอบถามหน่อยครับ ต้นกระท่อมใบเหลืองแบบนี้สาเหตุจากอะไรครับ แก้ยังไงครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 13 กันยายน 2566อาการใบเหลืองเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่โดยทั่วไปมักเกิดจากขาดธาตุอาหารพืชบางชนิด ซึ่งก็จะแสดงอาการที่แตกต่างกัน เบื้องต้นแนะนำให้ใส่ปุ๋ยคอกเก่า และปุ๋ยเคมี สูตร 16 16 16 + 15 0 0 + 26.5 CaO (2/1) หรือ 25-7-7 เสริมด้วยแคลเซียม-โบรอน แมกนีเซียม สังกะสี เหล็ก หรือสารคีเลต หรือพ่นปุ๋ยทางใบ 20-20-20+TE หรือ 30-20-10+TE และช่วงนี้อากาศร้อนจัด ควรให้น้ำพืชอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ใบกลับมาเขียว และเจริญเติบโตได้ตามปกติ ทั้งนี้ ให้พิจารณาร่วมกับข้อมูลต่อไปนี้ - ถ้าพืชขาดไนโตรเจน ใบพืชจะเหลืองจากส่วนปลายใบเข้ามา - ถ้าพืชขาดฟอสฟอรัส ใบแก่หรือใบล่างจะมีสีม่วงแซมเขียวอ่อน - ถ้าพืชขาดโพแทสเซียม ขอบใบแก่จะมีสีเหลืองและจะได้ผลขนาดเล็ก - ถ้าขาดธาตุแมกนีเซียม ใบแก่จะเหลืองและร่วงหล่นเร็ว - ถ้าขาดธาตุอาหารเสริม โบรอน ทองแดง คลอรีน เหล็ก แมงกานีส โมลิบดีนั่ม สังกะสี จะทำให้ใบอ่อน สีซีด เจริญเติบโตช้า ส่วนการใส่ปุ๋ยมากเกินไป ก็ทำให้ต้นไม้เกิดอาการน็อกปุ๋ยและแสดงอาการใบเหลือง ร่วง ได้เช่นกัน ดังนั้นการใส่ปุ๋ยเคมีแนะนำให้ใส่ครั้งละน้อย ๆ และหลังจากใส่ปุ๋ยต้องให้น้ำจนดินชุ่มทุกครั้ง หากคิดว่าเกิดจากการน็อกปุ๋ย ช่วงนี้ลองให้น้ำให้สม่ำเสมอมากขึ้น และคอยสังเกตอาการพืช หากเกิดจากสาเหตุนี้ใบจะค่อย ๆ เขียวขึ้นหลังจากความเข้มข้นของปุ๋ยเจือจางลง
อ่านต่อ - สวัสดีค่ะ รบกวนถามหน่อยค่ะ ปูนโดโลไมท์ที่ช่วยแก้ปัญหาน้ำเปรี้ยว ช่วยปรับสภาพดิน ถ้าจะนำมาใช้กับอาการรากเน่าโคนเน่าของต้นยอ จะช่วยได้ไหมคะ ตอนนี้ซื้อยามารักษาโรคเน่าโคนเน่า แต่ราคาสูง เพราะไม่เคมี แต่โดโลไมท์ราคาถูกกว่า ถ้าใช้รักษารากเน่าได้นักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 11 กันยายน 2566โดโลไมท์ จะช่วยเรื่องปรับสภาพดิน-ลดความเป็นกรด เสียมากกว่า เป็นการช่วยทางอ้อมค่ะ ส่วนสารในภาพที่ส่งมาเป็นเชื้อราไตรโคเดอร์ม่า ใช้ควบคุมเชื้อราสาเหตุโรคพืชทางดินได้มากกว่า 10 ชนิด ที่สำคัญ ได้แก่ เชื้อราไฟทอปธอร่า สาเหตุโรครากเน่าโคนเน่า ได้ดีค่ะ แต่ก็มีข้อกำจัดในการใช้ ไม่ควรพ่นไตรโคเดอร์มาในช่วงระยะเวลาที่มีแสงแดดจัด ควรพ่นในช่วงที่มีแสงแดดเล็กน้อย เช่น เช้าตรู่ หรือ ก่อนพลบค่ำ เพราะแสงแดดจัดจะทำลายสปอร์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มาได้ค่ะ ทั้งนี้ โรครากเน่าโคนเน่ามีสาเหตุหลักมาจากเชื้อรา และโรคจะระบาดรุนแรงในสภาวะที่ดินเป็นกรด ส่วนโดโลไมท์เป็นสารปรับปรุงคุณภาพดิน ช่วยลดความเป็นกรด ช่วยแก้ปัญหาสภาพดินเสื่อมโทรม แก้ปัญหาดินเปรี้ยว ดินเสีย ดินดาน ฉะนั้นสำหรับโรครากเน่าโคนเน่านั้นจึงถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางอ้อมเสียมากกว่า แนะนำให้ใช้ยารักษาจะได้ผลมากกว่าค่ะ หากต้องการลดต้นทุนสามารถใช้สารเร่ง พด.3 ทดแทนได้ ซึ่งขอรับได้จาก สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัด หรือสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1-12 หรือกองเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน กรมพัฒนาที่ดิน พด.3 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืชในดิน โดยมีความสามารถป้องกันหรือยับยั้งการเจริญของเชื้อโรคพืชที่ทำให้เกิดอาการรากหรือโคนเน่า และแปรสภาพแร่ธาตุในดินบางชนิดให้เป็นประโยชน์ต่อพืช ได้แก่ เชื้อไตรโคเดอร์ม่า (Trichoderma sp.) และบาซิลลัส (Bacillus sp.) สามารถสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.facebook.com/ldd.go.th/photos/a.881318455329627/881391431988996/?type=3
อ่านต่อ - ถ้าเกษตรกรยังไม่เสียชีวิตเราจะไปเป็นเเทนได้ไหมนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 5 กันยายน 2566ได้ค่ะ โดยให้หัวหน้าครัวเรือนไปแจ้งสามารถไปติดต่อได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอที่ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้าค่ะ โดยยึดหลักดังนี้ 1. สามารถยกเลิกการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ได้ที่ สํานักงานเกษตรอําเภอที่ขึ้นทะเบียนไว้เท่านั้น 2. ผู้ยื่นคําร้องขอยกเลิกการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ต้องเป็นหัวหน้าครัวเรือนเกษตรกร การจะยกเลิกการขึ้นทะเบียนเกษตรกรทั้งครัวเรือนได้ต้องมีหนังสือยินยอมจากสมาชิกในครัวเรือนมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด แต่หากต้องการยกเลิกการขึ้นทะเบียนเกษตรกรเฉพาะสมาชิกในครัวเรือนจะต้องมีหนังสือยินยอมจากสมาชิกคนนั้น 3. กรณีผู้ยื่นคําร้องเป็นสมาชิกในครัวเรือน สามารถยกเลิกการเป็นสมาชิกของตนเองได้เท่านั้น ไม่สามารถยกเลิก ครัวเรือนเกษตรกรได้ 4. แนบสําเนาบัตรประจําตัวประชาชนของผู้ยื่นคําร้อง พร้อมรับรองสําเนา และเอกสารอื่น (ถ้ามี) 5. กรณีที่หัวหน้าครัวเรือนไม่สามารถมาด้วยตนเอง ให้ทําหนังสือมอบอํานาจได้ 6. หากแบบคําร้องนี้หรือหนังสือมอบอํานาจมีรอยขูดลบ ขีดฆ่าหรือแก้ไข ในสาระสําคัญถือว่าใช้ไม่ได้ *** เมื่อยกเลิกการขึ้นทะเบียนเกษตรกร จะไม่สามารถนําข้อมูลแปลงและกิจกรรมของครัวเรือนเกษตรกรที่ยกเลิกแล้วคืนได้ ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนใหม่เท่านั้น
อ่านต่อ - อยากทราบ อัตราส่วนในการผสมและละลายสารธาตุอาหารเสริม/ธาตุอาหารรอง เพื่อพ่นทางใบต่อลิตรครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 4 กันยายน 2566เนื่องจากข้อมูลที่เกษตรกรสอบถามเข้ามาไม่ได้แจ้งรายละเอียดว่าเป็นปุ๋ยชนิดใด ใช้กับพืชกลุ่มไหน จึงขอยกตัวอย่างคร่าวๆ ดังนี้ค่ะ กรณีที่เป็นปุ๋ยคีเลตที่จำหน่ายทางการค้าให้ผสมตามคำแนะนำข้างบรรจุภัณฑ์ตามชนิดพืชที่แนะนำ การผสมจุลธาตุสูตรต่าง ๆ น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม สูตรที่ 1 ซัลเฟต แม่ปุ๋ย น้ำหนัก (กรัม) แมกนีเซียมซัลเฟต 550 เหล็กซัลเฟต 150 แมงกานีสซัลเฟต 60 คอปเปอร์ซัลเฟต 65 บอริคแอซิด 100 ซิงค์ซัลเฟต 75 โซเดียมโมลิบเดท 0.2 *อัตราใช้ 3-5 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ 0.15-0.25 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร สูตรที่ 2 ซัลเฟต-เหล็กคีเลต แม่ปุ๋ย น้ำหนัก (กรัม) แมกนีเซียมซัลเฟต 550 เหล็กคีเลท 150 แมงกานีสซัลเฟต 60 คอปเปอร์ซัลเฟต 65 บอริคแอซิด 100 ซิงค์ซัลเฟต 75 โซเดียมโมลิบเดท 0.2 *อัตราใช้ 3-5 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ 0.15-0.25 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร สูตรที่ 3 คีเลต แม่ปุ๋ย น้ำหนัก (กรัม) แมกนีเซียมซัลเฟต 450 เหล็กคีเลท 150 แมงกานีสคีเลท 150 คอปเปอร์คีเลท 80 โซลูบอร์ 50 ซิงค์คีเลท 120 โซเดียมโมลิบเดท 0.2 *อัตราใช้ 3-5 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ 0.15-0.25 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร ** สูตรนี้ไม่มีแคลเซียม เกษตรกรจะต้องเติมเพิ่มเอง อ้างอิงข้อมูลจาก kehakaset.com
อ่านต่อ - อบรมหลักสูตร "การวิเคราะห์ดินและใช้ปุ๋ย (ฉบับวันเดียวจบ) เมื่อไหร่จะมีเปิดอีกคะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 25 สิงหาคม 2566ตอบคุณ Mily boon-Itt หลักสูตร “การวิเคราะห์ดินและใช้ปุ๋ย (ฉบับรวบวันเดียวจบ)" รุ่นที่ 8 เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ อย่างไรรบกวนลองสอบถามไปทาง สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม กำแพงแสน ซึ่งเป็นผู้จัดการอบรม โทร. 096-6953945 (คุณวราภรณ์) และ 083-5271180 (คุณจารุพร) ทั้งนี้สามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมและหลักสูตรการฝึกอบรม ได้ที่ https://nextacademy.kps.ku.ac.th หรือกดติดตามทางเพจ Facebook NExT-Academy ได้ที่ https://www.facebook.com/nextacademy.kps.ku.ac.th
อ่านต่อ - ขอสอบถามค่ะ มีเครื่องตรวจวัดความสุกของลูกทุเรียนมั้ยคะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 24 สิงหาคม 2566ปากกาวัดความสุกทุเรียน ติดต่อ แผนกวิชาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0 3269 7062
อ่านต่อ - ผมเคยซื้อลูกไก่เบตงที่ฟาร์มไก่หลวงสุวรรณฯ มาเลี้ยง และโตไวดี จึงอยากทราบราคาตอนนี้ และขอข้อมูลติดต่อด้วยครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 17 สิงหาคม 2566ราคาจำหน่าย ตัวละ 35 บาทค่ะ สามารถจองลูกไก่ได้ที่ โทร. 0 2579 8525
อ่านต่อ - สามารถใช้ EM พร้อมกับ บิวเวอร์เรีย+เมธาไรเซียม ได้หรือไม่ครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 16 สิงหาคม 2566สามารถใช้พร้อมกันได้ โดยมีข้อปฏิบัติและมีข้อห้ามดังนี้ - ห้ามผสมเชื้อราเมทาไรเซียมกับสารเคมีกำจัดโรคพืช เช่น โรคเชื้อรา หรือกลุ่มยาฆ่าเชื้อโรค แต่สามารถผสมกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือฮอร์โมนได้ ส่วนแสงแดดมีรังสียูวีจะมีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา - ห้ามผสมเชื้อราบิวเวอร์เรียกับสารเคมีกำจัดโรคพืช เช่น โรคเชื้อรา หรือสารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืช เนื่องจากเชื้อค่อนข้างอ่อนแอต่อแสงแดด และอุณหภูมิสูง จึงควรใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียในช่วงเวลาเย็นถึงค่ำ เชื้อราจะเข้าทำลายแมลงได้ในสภาพที่มีความชื้นสูง ดังนั้น การใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียในช่วงฤดูแล้ง หรืออากาศแห้งแล้ง อาจจำเป็นต้องเพิ่มความชื้นโดยการให้น้ำหรือพ่นละอองน้ำก่อนและหลังการใช้ และก่อนนำเชื้อราไปใช้ ควรนำเชื้อราไปแช่น้ำอย่างน้อย 4 ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกิน 24 ชั่วโมง และเพิ่มอาหารของเชื้อด้วยนมข้น /น้ำหวาน / กากน้ำตาล เพื่อให้เชื้อมีปริมาณและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในปัจจุบัน มีการผลิตสารชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืชเป็นเชื้อผสมระหว่างเมทาไรเซียม + บิวเวอเรีย เพื่อการจำหน่ายก็จะง่ายต่อการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ หมายเหตุ : ถ้าแยกตามวัตถุประสงค์การใช้งานแล้ว เชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียมเป็นจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ ใช้เพื่อป้องกันกำจัดโรคพืชและศัตรูพืช ส่วน EM ใช้เพื่อการบำรุงพืช ถ้าไม่เป็นการสิ้นเปลือง การแยกใช้ตามวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองแก่พืชในแต่ละช่วงก็จะได้ผลที่ดีกว่า
อ่านต่อ - ขอรหัสทะเบียนเกษตรกรนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 15 สิงหาคม 2566แนะนำให้เกษตรกร โทร.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโดยตรง ได้ที่ โทร. 0 2579 3926 หรือที่ไลน์ @yzd6514b กรณีทำสมุดทะเบียนเกษตรกรหาย และต้องการทราบเลขรหัสทะเบียนเกษตรกร 12 หลัก ติดต่อ สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือแจ้งชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน เหตุผลที่ต้องการเลขรหัส และข้อมูลด้านการเกษตร พืชที่ปลูก เนื้อที่ปลูก และเขียนกำกับว่าใช้เพื่อขอข้อมูลเกษตรกรผ่านช่องทาง Facebook ทางอินบ็อกซ์ Facebook Digital DOAE ได้ที่ https://web.facebook.com/digitaldoae/ ได้อีกช่องทางหนึ่งค่ะ
อ่านต่อ - ต้นนี้ชื่ออะไรครับ มีประโยชน์มั้ยครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 8 สิงหาคม 2566น่าจะเป็นต้นรักนะคะ ดอกใช้ร้อยพวงมาลัย ชื่อสามัญ Crown flower, Giant Indian Milkweed, Giant Milkweed, Tembega จะเห็นได้ว่าชื่อสามัญจะเรียกกันตามลักษณะของดอกที่คล้ายมงกุฎ หรือลักษณะของน้ำยางสีขาวที่คล้ายน้ำนม และยังบอกอีกว่าเป็นพืชที่มาจากอินเดีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Calotropis gigantea (L.) Dryand. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Calotropis gigantea (L.) R. Br. ex Schult.) จัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยนมตำเลีย (ASCLEPIADOIDEAE หรือ ASCLEPIADACEAE) สมุนไพรรัก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า รักขาว รักเขา รักซ้อน (เพชรบูรณ์), ปอเถื่อน ป่านเถื่อน (ภาคเหนือ), รัก รักดอก รักดอกขาว รักดอกม่วง (ภาคกลาง), รักร้อยมาลัย, รักแดง เป็นต้น ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%81/ | Medthai ส่วนสรรพคุณ ดอกมีรสเฝื่อน สรรพคุณช่วยทำให้เจริญอาหาร ต้นมีรสเฝื่อนขม มีสรรพคุณช่วยบำรุงทวารทั้งห้า ยางจากต้นเป็นยาแก้อาการปวดหู ปวดฟัน (ยางขาวจากต้น) รากใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้เหนือ ดอกช่วยแก้อาการไอ อาการหวัด แก้หอบหืด เปลือกต้น, ราก, เปลือกราก ช่วยทำให้อาเจียน ราก เปลือกราก ช่วยขับเหงื่อ เปลือกรากมีสรรพคุณช่วยขับเสมหะได้ ดอกช่วยในการย่อย ราก เปลือกราก ใช้เป็นยารักษาโรคบิด แก้บิดมูกเลือด ยางขาวจากต้นมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง ใช้เป็นยาขับพยาธิ โดยใช้ยางขาวจากต้นนำมาทาตัวปลาช่อนแล้วย่างไฟให้เด็กกินเป็นยาเบื่อพยาธิไส้เดือน ช่วยแก้ริดสีดวงในลำไส้ ใบมีสรรพคุณเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร ยางขาวจากต้นมีฤทธิ์เป็นยาขับเลือด ทำให้แท้งได้ เปลือกต้นมีสรรพคุณช่วยขับน้ำเหลืองเสีย ยางไม้ใช้ใส่แผลสดเป็นยาฆ่าเชื้อ ใบช่วยแกคุดทะราด ยางขาวจากต้น ดอก ช่วยแก้กลากเกลื้อน น้ำยางจากต้นใช้รักษาโรคเรื้อน ผลหรือฝัก ใช้แก้รังแคบนหนังศีรษะ ใบสดใช้เป็นยาพอกเพื่อบรรเทาอาการของโรคไขข้อ ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%81/ | Medthai
อ่านต่อ - สอบถามครับว่าเป็นเห็ดอะไร ขึ้นที่ตอต้นขี้เหล็กนะครับ ประโยชน์-โทษอย่างไรบ้าง ขอขอบคุณนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 4 สิงหาคม 2566ตอบ คุณ Safe Thai ลักษณะคล้ายเห็ดหิ้ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกับเห็ดหลินจือ จึงทำให้เข้าใจผิดบ่อย ๆ ไม่นิยมนำมารับประทานค่ะ
อ่านต่อ - เรียนถามท่านผู้รู้ว่าต้นส้มเช้งซื้อมาปลูกมาร่วม ๓ ปีแล้ว! โตได้แค่นี้-ไม่ตาย แต่ไม่โต ระบบรากเป็นไรหรือเปล่า รบกวนสอบถามให้ด้วย ปลูกลงดินจ๊ะ! ไม่ทราบว่าเพาะเมล็ดหรือทาบกิ่งมา แรก ๆ ก็ดีอยู่หรอก ตัดหญ้า-ไปเผลอตัดต้นเข้า! แต่ก็ยังงอกอยู่ แต่งันอยู่แค่นี้เองจ้ะ ดินเป็นดินก้นสระ แต่ผ่านการปรับปรุงดินมา ๑๐ กว่าปีแล้วจ้ะ ปลูกที่วังน้ำเขียว ต.วังหมี บ.คลองสะท้อน อยู่หน้าเขาใหญ่ ปลูดระยะชิด เพื่อจะทำอุโมงค์ต้นไม้ผล ในสวนมีผลไม้เกือบ ๓๐ ชนิด มีทุเรียนหลายสายพันธุ์+ทุเรียนสายใต้พันธุ์ท้องถิ่น ที่นี่จะเน้นพันธุ์ไม้ผลพันธุ์ดั้งเดิม เช่น อกร่องทอง-พิมเสน-กะล่อน ม่วงแก้ว ฯลฯ ส้มโอแดงทองดี-ทับทิมสยาม เพื่อควบคุมวัชพืช ไม่ใช่สารเคมีฆ่าหญ้า เป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างจะปลอดสารเคมีจ้ะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 4 สิงหาคม 2566ระบบรากไม่น่ามีปัญหา แต่ที่ชะงักการเจริญเติบโต ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากถูกตัดตามที่เกษตรกรแจ้งมา และเท่าที่สังเกตจากรูปที่ส่งมา จะเห็นอาการของโรคแคงเกอร์ที่ใบและกิ่งค่ะ โดยปกติ ส้มเช้งชอบอากาศร้อน แสงแดดรำไร ให้น้ำอย่างเพียงพอ ชอบดินชุ่มชื้นระบายน้ำได้ดี ไม่แฉะเกินไป ต้องรดน้ำเช้า-เย็น ปลูกช่วงแรก ๆ ควรรดน้ำวันละครั้ง ระวังอย่าให้ขาดน้ำ เมื่อโตขึ้นก็ให้น้ำเป็นระยะ ๆ และตัดแต่งกิ่งบ้าง ต้นจะได้ไม่สูงเกิน นอกจากนี้การห่อผลทำให้เปลือกผลสวยยิ่งขึ้นโดยทั่วไปจะให้ผลผลิตหลังปลูก เมื่อเข้าปีที่ 3 ค่ะ การปลูกส้มเช้ง การปลูกส้มควรเตรียมหลุมปลูกกว้างคูณลึก 50 x 30 ซม. ระยะห่างระหว่างต้น 7 x 7 เมตร และใช้ปุ๋ยคอก เช่น ขี้หมู ขี้วัว รองพื้นในอัตราหลุมละ 10 กิโลกรัม/หลุม เริ่มใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15 หลังจากปลูกไปแล้ว 2 เดือน ช่วงที่ปลูกส้มระยะแรกควรใส่น้ำยาเร่งรากผสมกับน้ำราดเทใส่โคนส้มทุก ๆ 7 วัน เป็นเวลา 6 อาทิตย์ ป้องกันต้นไม้ชะงักการเจริญเติบโต ส่วนโรคแคงเกอร์ ควรพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช 7-10 วัน/ครั้ง โดยใช้สารคอปเปอร์ (Copper) ตามอัตราแนะนำ
อ่านต่อ
แสดง 1 - 20 จาก 869
หน้า