เนื่องจากกระเจี๊ยบแดงพันธุ์ซูดานเป็นพันธุ์ผสมเปิด ไม่ใช่พันธุ์ลูกผสม จึงสามารถเก็บเมล็ดจากฝักแก่ไปปลูกในฤดูกาลถัดไปได้ โดยไม่เสื่อมคุณภาพมากนัก และกระเจี๊ยบแดงส่วนใหญ่มีกลไกการผสมเกสรแบบผสมตัวเอง ทำให้เมล็ดที่ได้จากต้นแม่มีลักษณะใกล้เคียงเดิม มีลักษณะทางพันธุกรรมคงตัว โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง ลักษณะที่ดีจะได้รับการถ่ายทอดอย่างสม่ำเสมอ ข้อดีคือ ประหยัดต้นทุน ไม่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุกปี ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ดี ทนร้อน ทนแล้ง คัดเลือกพันธุ์เองได้ สามารถเลือกต้นที่แข็งแรง ดอกใหญ่ เมล็ดดก เพื่อเก็บไว้ทำพันธุ์เองได้ ลดการพึ่งพาบริษัทเมล็ดพันธุ์ ข้อเสียและข้อควรระวัง คือ พันธุกรรมอาจแปรปรวน หากมีการผสมข้ามกับพันธุ์อื่น หรือแมลงนำเกสรไปผสมข้ามสายพันธุ์ คุณภาพเมล็ดอาจเสื่อมถ้าเก็บไม่ถูกวิธี (เช่น ความชื้นสูง เชื้อรา) ต้องมีความรู้ในการคัดเลือกต้นแม่พันธุ์ และการเก็บรักษาเมล็ด ส่วนในด้านคุณสมบัติอื่น ๆ ข้อดี คือ กลีบเลี้ยงใหญ่ สีแดงสด ให้ผลผลิตดี เหมาะสำหรับการแปรรูป เช่น น้ำกระเจี๊ยบ, ชา กลิ่นหอม รสเปรี้ยวเด่น เป็นที่ต้องการของตลาดสมุนไพรและกลุ่มผู้บริโภค มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีสารแอนโทไซยานิน วิตามินซี โพลีฟีนอล ฯลฯ ทนแล้ง ปลูกได้ดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและในดินค่อนข้างแห้ง ปลูกง่าย โตเร็ว ข้อจำกัด คือ ไม่ทนทานกับการเข้าทำลายของหนอนเจาะฝัก เพลี้ยแป้ง ไม่ทนน้ำขัง หากปลูกในพื้นที่ระบายน้ำไม่ดีรากอาจเน่า แม้ทนแล้ง แต่ถ้าได้รับน้ำน้อยเกินไปในช่วงออกดอก/ติดฝัก ผลผลิตจะลดลง กลีบเลี้ยงบางเมื่อแก่จัด หากเก็บช้าอาจส่งผลต่อคุณภาพและต้นทุนการขนส่ง เหมาะกับการเก็บในช่วงเวลาที่เหมาะสม
สอบถามเรื่องการเก็บเมล็ดกระเจี๊ยบแดงสายพันธุ์ซูดาน อยากทราบว่าทำไมถึงสามารถเก็บเมล็ดทำพันธุ์ได้ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ขอบคุณครับ