แจ้งเตือนทุกหมวดหมู่
- แจ้งเตือนภัยทางการเกษตร: การเข้าทำลายของเพลี้ยอ่อนในข้าวโพด
⚠️ สถานการณ์: ขณะนี้พบการระบาดของเพลี้ยอ่อนในแปลงข้าวโพด ซึ่งแม้ปกติจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง แต่หากมีปริมาณมากอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของผลผลิต
🛑 ลักษณะความเสียหาย
- เพลี้ยอ่อนจะเกาะเป็นกลุ่มและดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอด กาบใบ โคนใบ และกาบฝัก
- พบมากบริเวณช่อดอก ส่งผลให้ช่อดอกไม่บาน ติดเมล็ดน้อย และเมล็ดแก่เร็วผิดปกติ
- การขับถ่ายน้ำหวานของเพลี้ยทำให้เกิดราดำปกคลุมต้นและฝัก ส่งผลต่อคุณภาพข้าวโพดหลังการเก็บเกี่ยว
🚨 แนวทางป้องกันและกำจัด
✅ หมั่นตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ข้าวโพดกำลังมีเกสรตัวผู้และสภาพอากาศแห้งแล้ง
✅ หากพบการระบาดเฉพาะจุด ควรพ่นสารกำจัดแมลงเฉพาะบริเวณที่มีเพลี้ยอ่อนระบาด เพื่อลดผลกระทบต่อแมลงที่เป็นประโยชน์
✅ สารป้องกันกำจัดแมลงที่แนะนำ ได้แก่ มาลาไทออน, คาร์บาริล, ไบเฟนทริน หรือ ไดอะซินอน
✅ ใช้มาตรการควบคุมแบบผสมผสาน เพื่อลดการพึ่งพาสารเคมี เช่น การปล่อยแมลงศัตรูธรรมชาติ เช่น แมลงช้างปีกใส และเต่าทอง📢 คำแนะนำ: เกษตรกรควรเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบการระบาดรุนแรงให้รีบดำเนินการป้องกันกำจัดเพื่อลดความเสียหายต่อผลผลิต
🔍 หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ของท่าน
อ่านต่อ - ระวังหนอนกินใต้ผิวเปลือกในลองกอง
สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน มีฝนตกและลมแรงในบางพื้นที่ เตือนผู้ปลูกลองกองในระยะ ติดผลอ่อน รับมือหนอนกินใต้ผิวเปลือก หนอนกัดกินทำลายอยู่ใต้ผิวเปลือก ลึกระหว่าง 2-8 มิลลิเมตร ตามกิ่งและลำต้น ทำให้ต้นเป็นปุ่มปม เมื่อหนอนระบาดมากจะทำให้กิ่งแห้งและตาย ถ้าหนอนกัดกินตาดอกจะทำให้ตาดอกถูกทำลายและผลผลิตลดลง
แนวทางป้องกันกำจัด
ใช้ไส้เดือนฝอย (Steinernema carpocapsae) อัตรา 50 ล้านตัวต่อน้ำ 20 ลิตร 1 ต้น ใช้น้ำ 2-3 ลิตร พ่น 2 ครั้ง ห่างกัน 15 วัน ควรพ่นไส้เดือนฝอยในตอนเย็น (หลังเวลา 17.00 น.) เพื่อหลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์ ในกรณีมีอากาศแห้งแล้ง ควรพ่นน้ำเปล่าให้ความชุ่มชื้นก่อนพ่นไส้เดือนฝอย
อ่านต่อ - ระวังเพลี้ยแป้งในพริกไทย
สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นและมีความชื้นสูงในตอนเช้า อากาศร้อนในตอนกลางวัน เตือนผู้ปลูกพริกไทยในระยะติดผล ผลแก่ เก็บเกี่ยว รับมือเพลี้ยแป้งดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณช่อผล หลังใบ กิ่งปาง (กิ่งแขนง) ราก ยอด และลำต้น ส่วนที่ยังอ่อนอยู่ ส่วนที่ถูกทำลายจะงอหงิก บิดเบี้ยว หากการระบาดรุนแรงช่อผลแห้งและหลุดร่วง ผลผลิตเสียหาย กิ่งปาง (กิ่งแขนง) และยอดจะแห้งตาย
แนวทางป้องกันกำจัด
1. หากพบระบาดเล็กน้อยให้ตัดส่วนที่ถูกทำลายทิ้ง
2. ถ้าระบาดรุนแรงพ่นด้วยโพรไทโอฟอส 50% EC อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
อ่านต่อ - ระวังโรคแอนแทรคโนส หรือโรคใบไหม้สีน้ำตาล หรือโรคกิ่งแห้ง หรือโรคผลแห้ง ในกาแฟโรบัสต้า
สภาพอากาศในช่วงนี้มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่ (ภาคใต้) เตือนผู้ปลูกกาแฟโรบัสต้า ในระยะเตรียมต้น (ระยะการเจริญโตทางใบ) รับมือโรคแอนแทรคโนส หรือโรคใบไหม้สีน้ำตาล หรือโรคกิ่งแห้ง หรือโรคผลแห้ง (เชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides, Colletotrichum coffeanum)
อาการที่ใบ: พบได้ทั้งใบอ่อนและใบแก่ ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล เมื่ออาการรุนแรงแผลจะขยายขนาดเป็นแผลใหญ่ ทำให้ใบแห้งไหม้ทั้งใบ
อาการที่กิ่ง: เกิดอาการไหม้บนกิ่งเขียว ทำให้ใบเหลืองและร่วง กิ่งเหี่ยวและแห้งทั้งกิ่งแนวทางป้องกันกำจัด
1. รักษาระดับร่มเงาให้เหมาะสม เพื่อรักษาระดับความชื้น เป็นการป้องกันการเกิดโรค
2. หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ ตัดแต่งกิ่ง ใบ และส่วนที่เป็นโรค นำไปทำลายนอกแปลงปลูก แล้วพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช แมนโคเซบ 80% WP อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เบโนมิล 50% WP อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
อ่านต่อ - พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร ระหว่างวันที่ 12 – 18 มีนาคม 2568
ระยะนี้ประเทศไทยตอนบน อากาศร้อน-ร้อนจัด กับมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงบางแห่ง
ช่วงวันที่ 12-13 มี.ค. 2568 และ 16-17 มี.ค. 2568 ประเทศไทยตอนบน/ภาคใต้ตอนบน จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง
อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยเฉพาะช่วงกลางวัน
หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ดื่มน้ำบ่อย ๆ
ลดความเสี่ยงลมแดด!ระวังการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า
ระวังศัตรูพืชจำพวกหนอน
เพิ่มการให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม
เกษตรกรเฝ้าระวัง โรงเรือน พืชผล สัตว์เลี้ยง และติดตามพยากรณ์อากาศใกล้ชิด
อ่านต่อ - พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร ระหว่างวันที่ 10 – 16 มีนาคม 2568
ในระยะนี้ประเทศไทยตอนบน อากาศร้อน-ร้อนจัด กับมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงบางแห่ง
ในช่วงวันที่ 12 -13 มี.ค. ประเทศไทยตอนบน/ภาคใต้ตอนบน จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง
อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยเฉพาะช่วงกลางวัน
หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ดื่มน้ำบ่อยๆ ลดความเสี่ยงลมแดด!
ระวังการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า
ระวังศัตรูพืชจำพวกหนอน
เพิ่มการให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม
เกษตรกรเฝ้าระวัง โรงเรือน พืชผล สัตว์เลี้ยง และติดตามพยากรณ์อากาศใกล้ชิด
ติดตามการพยากรณ์อากาศฉบับสมบูรณ์ได้ที่
https://www.tmd.go.th/media/agro/7day/2568/agronews_30_68.pdf
อ่านต่อ - กรมอุตุฯ เตือนพายุฤดูร้อน 6-8 มี.ค. 2568 ระวังฝนฟ้าคะนอง-ลมแรง-ลูกเห็บตก
กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศฉบับที่ 1 เตือนพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 6-8 มีนาคม 2568 ส่งผลกระทบต่อภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและภาคตะวันออก โดยลักษณะของพายุจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางพื้นที่ และอาจเกิดฟ้าผ่าได้
สาเหตุของพายุฤดูร้อน พายุฤดูร้อนครั้งนี้เกิดจากมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากจีน ที่แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนและพายุฝนฟ้าคะนอง
ข้อควรระวังและคำแนะนำ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง
- ระวังอันตรายจากลมแรงและฟ้าผ่า
- เกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้พืชผล และเตรียมรับมือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตและสัตว์เลี้ยง
- ดูแลสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วประชาชนสามารถติดตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาได้ทาง
🔗 เว็บไซต์ www.tmd.go.th
📞 โทรศัพท์ 0 2399 4012-13 หรือ 1182 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
โปรดติดตามข่าวสาร และเตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อนล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัย! ⛈⚡
อ่านต่อ - ระวังโรคพุ่มไม้กวาดในลำไย
โรคพุ่มไม้กวาดในลำไย (Witches'broom)
เชื้อสาเหตุโรค : ไฟโตพลาสมา (Phytoplasma)
แมลงพาหะ : เพลี้ยจักจั่นสีน้ำตาล ไรกำมะหยี่ลำไย
ลักษณะการทำลาย
เริ่มแรกส่วนที่เป็นตาเกิดอาการใบยอดแตกฝอย มีลักษณะคล้ายพุ่มไม้กวาด ใบมีขนาดเล็กเรียวยาวม้วนบิดเป็นเกลียวมีขนละเอียดปกคลุมแข็งกระด้างไม่คลี่ออก ถ้าเป็นช่อดอกจะแตกเป็นพุ่มฝอยดอกแห้งไม่ติดผล ถ้าไม่รุนแรงก็จะออกช่อชนิดติดใบปนดอกและช่อสั้น ๆ ซึ่งอาจติดผลได้น้อยประมาณ 4-5 ผล ถ้าเป็นโรครุนแรง ดอกลำไยที่เกิดขึ้นจะแตกกิ่งเป็นฝอย มีใบชนิดไม่คลี่อยู่มาก ลำไยที่เป็นโรครุนแรงต้นจะโทรม ออกดอกติดผลน้อย
อ่านต่อ - เตือนภัยการเกษตร ระวังการระบาดของเพลี้ยไฟพริกในทุเรียน
สภาพอากาศช่วงนี้อากาศเย็นในตอนเช้า มีหมอกในบางพื้นที่ และอากาศร้อนในตอนกลางวัน เตือนผู้ปลูกทุเรียนในระยะแทงช่อดอก-พัฒนาผล ควรระวังการระบาดของเพลี้ยไฟพริก
ช่วงเวลาระบาด เพลี้ยไฟจะระบาดรุนแรงในช่วงแล้ง ระหว่างเดือนธันวาคม-พฤษภาคม
ลักษณะการทำลาย
เพลี้ยไฟพริกทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยใช้ปากเขี่ยและดูดกินน้ำเลี้ยงส่วนอ่อนของพืช ใบอ่อนหรือยอดอ่อนชะงักการเจริญเติบโต แคระแกร็น ใบโค้ง แห้งหงิกงอ และไหม้ ดอกแห้ง ดอกและก้านดอกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแคระแกร็น และร่วงได้ ผลอ่อนชะงักการเจริญเติบโต หนามเป็นแผลและเกิดอาการปลายหนามแห้ง ผลไม่สมบูรณ์และแคระแกร็นแนวทางป้องกันกำจัด
สำรวจการระบาดของเพลี้ยไฟในระยะแตกใบอ่อน ดอก และผลอ่อน หากพบเพลี้ยไฟระบาดเล็กน้อยให้ตัดส่วนที่ถูกทำลายทิ้ง เมื่อพบเพลี้ยไฟระบาดรุนแรง ใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ เช่น อิมิดาโคลพริด 10% SL หรือ ฟิโพรนิล 5% SC พ่นเมื่อพบเพลี้ยไฟเฉลี่ยมากกว่า 1 ตัวต่อยอด ช่อ หรือผล และไม่ควรใช้สารฆ่าแมลงชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำติดต่อกันหลายครั้ง
อ่านต่อ - ระวังหนอนเจาะฝักถั่วในถั่วเหลือง
🚨 ประกาศแจ้งเตือนภัยทางการเกษตร 🚨 เรื่อง ระวังหนอนเจาะฝักถั่วในถั่วเหลือง
📅 สภาพอากาศในช่วงนี้
☀️ อากาศเย็นในตอนเช้า มีหมอกในบางพื้นที่
🔥 อากาศร้อนในตอนกลางวัน⚠️ เตือนภัยเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลือง
พบการระบาดของ หนอนเจาะฝักถั่ว ในระยะ ออกดอกและติดฝักอ่อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิต ลดลงมากกว่า 40%🔍 ลักษณะการเข้าทำลาย
🔸 หนอนเจาะเข้าไปกัดกินเมล็ดภายในฝักหลังฟักออกจากไข่
🔸 หนอนขนาดใหญ่สามารถย้ายไปกัดกินฝักอื่น ๆ ได้
🔸 หนอนจะชักใยดึงฝักมาติดกัน ทำให้เมล็ดเสียหาย🛑 แนวทางป้องกันและกำจัด
✅ พ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชดังนี้:
- ไตรอะโซฟอส 40% EC อัตรา 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
- แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% EC อัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
✅ พ่น 1-2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกัน 7-10 วัน📢 โปรดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันความเสียหายต่อผลผลิต
อ่านต่อ - ระวังหนอนม้วนใบถั่วเหลือง
🚨 ประกาศแจ้งเตือนภัยทางการเกษตร 🚨
เรื่อง ระวังหนอนม้วนใบถั่วเหลือง📅 สภาพอากาศในช่วงนี้
☀️ อากาศเย็นในตอนเช้า มีหมอกในบางพื้นที่ และอากาศร้อนในตอนกลางวัน⚠️ เตือนภัยสำหรับผู้ปลูกถั่วเหลือง
ระยะเวลาที่ควรระวัง ระยะออกดอก และระยะติดฝักอ่อน
พบการระบาดของหนอนม้วนใบถั่วเหลืองที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิต🔍 ลักษณะการเข้าทำลาย
1. หนอนที่ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ชักใยบาง ๆ คลุมตัวไว้ แล้วกัดกินผิวใบ
2. เมื่อหนอนโตขึ้นจะกระจายออกไปทั่วทั้งแปลง สร้างใยยึดใบพืชจากขอบใบของใบเดียวเข้าหากัน หรือยึดใบมากกว่า 2 ใบ เข้าหากัน
3. หนอนจะอาศัยกัดกินอยู่ในห่อใบนั้นจนหมด และเคลื่อนย้ายไปทำลายใบอื่นต่อไป🛑 แนวทางป้องกันและแก้ไข
✅ พ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
- แลมบ์ดาไซฮาโลทริน 2.5% EC อัตรา 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
- ไตรอะโซฟอส 40% EC อัตรา 40 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร✅ ช่วงเวลาที่ควรพ่น
1. พ่นเมื่อใบถูกทำลาย 30% ก่อนออกดอกจนถึงระยะฝักยังเขียว
2. หรือใบถูกทำลาย 60% หลังดอกบาน 4 สัปดาห์📢 โปรดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันความเสียหายต่อผลผลิต
อ่านต่อ - ระวังมวนถั่วเหลือง
🚨 ประกาศแจ้งเตือนภัยทางการเกษตร 🚨 เรื่อง ระวังมวนถั่วเหลือง
📅 สภาพอากาศในช่วงนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า มีหมอกในบางพื้นที่ และอากาศร้อนในตอนกลางวัน
⚠️ เตือนภัยสำหรับผู้ปลูกถั่วเหลือง ระยะเวลาที่ควรระวัง ระยะออกดอก - ระยะติดฝักอ่อน
🔍 ลักษณะการเข้าทำลาย
- ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของมวนถั่วเหลืองจะดูดน้ำเลี้ยงจากใบ ลำต้น ดอก และฝักของถั่วเหลือง
- ฝักอ่อนที่ถูกทำลายจะลีบและร่วงหล่น ส่งผลให้ผลผลิตลดลง📢 โปรดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันความเสียหายต่อผลผลิต
อ่านต่อ - ระวังหนอนกระทู้ผักในถั่วเหลือง
🚨 ประกาศแจ้งเตือนภัยทางการเกษตร 🚨
เรื่อง ระวังหนอนกระทู้ผักในถั่วเหลือง📅 สภาพอากาศในช่วงนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า มีหมอกในบางพื้นที่ และอากาศร้อนในตอนกลางวัน
⚠️ เตือนภัยสำหรับผู้ปลูกถั่วเหลือง
ระยะเวลาที่ควรระวัง ระยะออกดอก-ระยะติดฝักอ่อน🔍 ลักษณะการเข้าทำลาย
- หนอนกระทู้ผักเข้าทำลายตั้งแต่ระยะต้นกล้าไปจนถึงช่วงออกดอกและติดฝัก
- ระยะตัวอ่อนแรกเริ่มจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แทะกินผิวใบด้านล่างจนเหลือแต่เส้นใบ ทำให้ใบแห้งและเปลี่ยนเป็นสีขาว
- เมื่อโตขึ้น หนอนจะแยกย้ายกันออกไปกัดกินใบทั่วทั้งแปลง โดยเริ่มจากขอบใบแล้วกัดกินเข้าไปด้านใน ส่งผลให้ต้นถั่วเหลืองอ่อนแอและผลผลิตลดลง🛑 แนวทางป้องกันและแก้ไข
✅ ควบคุมการระบาดของหนอนกระทู้ผักโดยวิธีดังนี้วิธีการควบคุม
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
อัตราส่วนต่อน้ำ 20 ลิตร
ชีววิธี
เชื้อไวรัสของหนอนกระทู้ผัก
50 มิลลิลิตร
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% EC
10 มิลลิลิตร
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
ไตรอะโซฟอส 40% EC
40 มิลลิลิตร
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
คลอร์ฟลูอาซูรอน 5% EC
20 มิลลิลิตร
📌 คำแนะนำในการพ่นสาร
- พ่นเชื้อไวรัสของหนอนกระทู้ผัก 1 - 2 ครั้ง เมื่อพบการระบาด
- พ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชเมื่อพบว่าใบถูกทำลาย 30% ในระยะก่อนออกดอกจนถึงระยะฝักยังเขียว หรือ 60% หลังดอกบาน 4 สัปดาห์📢 โปรดเฝ้าระวังแปลงปลูกอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันความเสียหายต่อผลผลิต
อ่านต่อ - ระวัง! เพลี้ยไฟพริกระบาดในพืชตระกูลส้ม
🚨 ประกาศแจ้งเตือนภัยศัตรูพืช 🚨 ระวัง! เพลี้ยไฟพริกระบาดในพืชตระกูลส้ม
📢 เตือนเกษตรกรผู้ปลูกพืชตระกูลส้ม (มะนาว มะกรูด ส้มโอ ส้มเขียวหวาน) ในระยะออกดอก-ติดผลอ่อน รับมือการระบาดของ เพลี้ยไฟพริก ที่กำลังสร้างความเสียหายต่อผลผลิต
🌡 สถานการณ์สภาพอากาศ อากาศเย็นในตอนเช้า มีหมอกบางพื้นที่ และร้อนจัดในช่วงกลางวัน เอื้อต่อการระบาดของเพลี้ยไฟพริก
🔍 อาการทำลายของเพลี้ยไฟพริก
✅ ดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อน ทำให้ใบแคบกร้าน บิดงอ
✅ เข้าทำลายผลอ่อนหลังดอกร่วง เกิดแผลเป็นทางสีเทาเงิน
✅ ทำให้ผลแคระแกร็น บิดเบี้ยว ลดคุณภาพผลผลิต
🛑 แนวทางป้องกำจัด
✅ ควบคุมการแตกยอด ออกดอก ติดผล ให้เป็นรุ่นเดียวกันเพื่อลดการใช้สารเคมี
✅ กำจัดผลอ่อนที่ถูกทำลายรุนแรง เพื่อลดการระบาดและช่วยให้ต้นฟื้นตัวเร็ว
✅ สำรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบการทำลายมากกว่า 50% ของยอดที่สำรวจ หรือ 10% ของผลที่สำรวจ
ให้พ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช หมุนเวียนตามกลไกการออกฤทธิ์ ทุก 14 วัน เช่น
🔹 สไปนีโทแรม 12% SC อัตรา 10 มล./น้ำ 20 ลิตร
🔹 อีมาเมกตินเบนโซเอต 1.92% EC อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร
🔹 คลอร์ฟีนาเพอร์ 10% SC อัตรา 30 มล./น้ำ 20 ลิตร
🔹 อิมิดาโคลพริด 70% WG อัตรา 15 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
🔹 ไซแอนทรานิลิโพรล 10% OD อัตรา 40 มล./น้ำ 20 ลิตร
⚠ หมายเหตุ ควรพ่นสารแบบหมุนเวียนตามกลไกการออกฤทธิ์ เพื่อลดการดื้อยาของเพลี้ยไฟพริก
📌 ติดตามสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อป้องกันผลผลิตเสียหายและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการศัตรูพืช 🚜🌱
อ่านต่อ - ระวัง! เพลี้ยไฟพริกในกุหลาบ
🚨 ประกาศแจ้งเตือนภัยศัตรูพืช 🚨 ระวัง! เพลี้ยไฟพริกในกุหลาบ
🌡 สภาพอากาศในช่วงนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า มีหมอกบางพื้นที่ และร้อนจัดในช่วงกลางวัน เอื้อต่อการระบาดของเพลี้ยไฟพริก
📢 เตือนผู้ปลูกกุหลาบในระยะออกดอก รับมือการระบาดของ เพลี้ยไฟพริก
🔍 อาการทำลายของเพลี้ยไฟพริก
✅ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะใช้ปากเขี่ยดูดกินน้ำเลี้ยงจากบริเวณยอดอ่อน ทำให้ยอดอ่อนมีลักษณะหงิกงอ มีรอยสีน้ำตาลดำ เหี่ยวแห้ง
✅ ถ้าทำลายส่วนดอกจะทำให้ดอกแคระแกร็น หรือทำให้กลีบดอกมีสีน้ำตาลไหม้ ไม่ได้คุณภาพตามความต้องการของตลาด🛑 แนวทางป้องกันกำจัด
พ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟพริกในแปลงกุหลาบ หรือพืชอาหารรอบ ๆ แปลง เมื่อพบการระบาด เช่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช อัตราส่วนต่อน้ำ 20 ลิตร สไปนีโทแรม 12% SC 10 - 20 มิลลิลิตร ไซแอนทรานิลิโพรล 10% OD 40 มิลลิลิตร คลอร์ฟีนาเพอร์ 10% SC 30 มิลลิลิตร ฟิโพรนิล 5% SC 30 มิลลิลิตร
อ่านต่อ - ประกาศแจ้งเตือนภัยโรคราแป้งในกุหลาบ
📢 เตือนเกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบ ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือ โรคราแป้ง (เชื้อรา Oidium sp.) ที่อาจระบาดในช่วงอากาศเย็นตอนเช้าและร้อนในตอนกลางวัน
🌡 สภาพอากาศที่เอื้อต่อการระบาด: อากาศเย็นในตอนเช้า มีหมอกในบางพื้นที่ และอากาศร้อนในตอนกลางวัน อาจทำให้โรคนี้ระบาดได้ง่าย
อ้างอิงภาพจาก https://myvilla.decorexpro.com/th/spasaem-rozy-ot-muchnistoy-rosy/
🔍 อาการของโรคราแป้ง
- พบเชื้อราลักษณะคล้ายผงแป้งสีขาวเกิดเป็นหย่อม ๆ บนใบอ่อน ดอกตูม และใบใต้ใบ
- อาการเริ่มแรกจะเห็นเป็นรอยสีชมพูเข้ม
- หากอาการรุนแรง จะพบผงสีขาวทั่วทั้งต้น ทำให้ใบและดอกบิดเบี้ยว เสียรูปทรง
- ใบจะเหลืองแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แห้งกรอบและร่วง🛑 แนวทางป้องกันกำจัด
- ตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบอาการของโรคให้ตัดแต่งและเก็บส่วนที่เป็นโรคเพื่อนำไปทำลายนอกแปลงปลูก
- พ่นสารป้องกันโรคพืช เมื่อพบการระบาด เช่น เบโนมิล 50% WP อัตรา 30-40 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือเฮกซะโคนาโซล 5% SC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 5-7 วันเพื่อป้องกันการระบาดขยายตัว
** หลีกเลี่ยงการใช้สารกลุ่มซัลเฟอร์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการไหม้ที่กุหลาบ📌 ติดตามและปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคราแป้งสร้างความเสียหายต่อกุหลาบและช่วยรักษาคุณภาพการเจริญเติบโตของต้นกุหลาบ
อ่านต่อ - ประกาศแจ้งเตือนภัยแมลงหวี่ขาวยาสูบในมะเขือเทศ
📢 เตือนเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศ ทุกระยะการเจริญเติบโต ระวังแมลงหวี่ขาวยาสูบที่กำลังระบาดในสภาพอากาศเย็นตอนเช้าและร้อนตอนกลางวัน
🌡 สภาพอากาศที่เอื้อต่อการระบาด อากาศเย็นในตอนเช้า มีหมอกในบางพื้นที่ และอากาศร้อนในตอนกลางวัน ซึ่งเป็นสภาพที่เหมาะสมสำหรับการระบาดของแมลงหวี่ขาวยาสูบ
🔍 อาการของการทำลายจากแมลงหวี่ขาวยาสูบ
- ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ทำให้ใบหงิกงอและเหี่ยวแห้ง
- ต้นมะเขือเทศแคระแกร็น เติบโตได้ไม่เต็มที่
- เป็นพาหะนำโรคไวรัสที่สามารถทำลายผลผลิต📌 ติดตามสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อป้องกันการระบาดของแมลงหวี่ขาวยาสูบและรักษาผลผลิตมะเขือเทศให้มีคุณภาพดี 🥒🌱
อ่านต่อ - ประกาศแจ้งเตือนภัยโรคใบไหม้ในมะเขือเทศ
📢 เตือนเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือโรคใบไหม้ที่เกิดจากเชื้อรา Phytophthora infestans ซึ่งมักระบาดในสภาพอากาศเย็นตอนเช้าและมีหมอกในบางพื้นที่
🌡 สภาพอากาศที่เอื้อต่อการระบาด อากาศเย็นตอนเช้าและร้อนตอนกลางวัน โดยเฉพาะในสภาพที่มีความชื้นสูงหรือมีหมอกจะช่วยให้โรคลุกลามได้เร็ว
🔍 อาการของโรคใบไหม้
✅ เริ่มต้นที่ใบล่าง พบแผลฉ่ำน้ำสีเขียวหม่นคล้ายถูกน้ำร้อนลวก
✅ แผลจะขยายเป็นสีน้ำตาลตรงกลาง และขอบแผลฉ่ำน้ำมีสีดำ
✅ ด้านใต้ใบพบเชื้อราสาเหตุโรคสีขาว
✅ หากโรคลุกลามจะทำให้ใบไหม้แห้งเป็นสีน้ำตาลและร่วง
✅ โรคสามารถทำลายลำต้น กิ่ง และผล ทำให้ลำต้นเหี่ยวเฉา และผลเน่า🛑 แนวทางป้องกันและกำจัด
✅ หลีกเลี่ยงการปลูกมะเขือเทศ ในพื้นที่ที่เคยมีการระบาดของโรค
✅ ไถพลิกดิน และตากแดด 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคในดิน
✅ ปรับระยะปลูก ให้โปร่ง และตัดแต่งใบล่างเมื่อปลูกแบบยกค้าง
✅ ควบคุมการให้น้ำ หลีกเลี่ยงการให้น้ำในตอนเย็น
✅ พ่นสารป้องกันโรคพืช เช่น- ไดเมโทมอร์ฟ 50% WG อัตรา 30-40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- ไซมอกซานิล + แมนโคแซบ 8% + 64% WP อัตรา 50-60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- เมทาแลกซิล-เอ็ม + แมนโคเซบ 4% + 64% WG อัตรา 40-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- โพรพิเนบ + ไอโพรวาลิคาร์บ 61.3% + 5.5% WP อัตรา 40-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
✅ พ่นทุก 5 วัน ให้ทั่วทั้งใบและใต้ใบ สลับสารต่าง ๆ เพื่อป้องกันการดื้อยา
✅ ถอนต้นที่เป็นโรครุนแรง และนำไปทำลายนอกแปลง
✅ ทำลายซากพืชหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่ระบาด📌 ติดตามและปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคใบไหม้ทำลายผลผลิตมะเขือเทศ 🥒🍅
อ่านต่อ