แจ้งเตือน
อาการเริ่มแรก บนใบแก่พบแผลจุดกลมสีน้ำตาลอ่อน มีขอบสีเหลืองล้อมรอบ ต่อมาแผลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มถึงดำ หากอาการรุนแรงแผลจะขยายติดกันเป็นแผลขนาดใหญ่ ทำให้ใบบิดเบี้ยวผิดรูป แผลอาจขาดเป็นรู หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม มีความชื้นสูง โรคจะระบาดลุกลามไปที่ใบเพสลาดและใบอ่อน ใบจะหลุดร่วงในที่สุด
แนวทางป้องกัน
- หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบอาการของโรคที่ใบแก่ ตัดแต่งและเก็บส่วนที่เป็นโรค นำไปทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรค
- หากพบเริ่มมีอาการของโรคที่ใบเพสลาดและใบอ่อน ให้ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรค นำไปทำลายนอกแปลงปลูก แล้วพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น อะซอกซีสโตรบิน ๒๕% เอสซี อัตรา ๕-๑๐ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ แมนโคเซบ ๘๐% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๕๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือโพรคลอราซ ๔๕% อีซี อัตรา ๑๕ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร พ่นทุก ๗-๑๐ วัน
- กำจัดวัชพืชรอบโคนต้นเพื่อลดความชื้นสะสม
- ไม่ควรใส่ปุ๋ยที่มีค่าไนโตรเจนมากเกินไป เพราะจะทำให้พืชอ่อนแอต่อการเกิดโรค
- หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง โดยเฉพาะกิ่งที่มีใบเป็นโรค และเก็บส่วนที่เป็นโรค นำไปทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคในฤดูกาลผลิตต่อไป
อ่านต่อ
สภาพอากาศในช่วงนี้ฝนตกปานกลางถึงหนักมาก เตือนผู้ปลูกสละในระยะติดผล/เก็บเกี่ยว รับมือโรคผลเน่า (เชื้อรา Marasmius palmivorus)
อาการ เปลือกผลสละมีสีน้ำตาล ถ้าความชื้นสูงจะพบเส้นใยของเชื้อราสีขาวหรือขาวอมชมพู เปลือกจะเปราะแตก เนื้อด้านในเน่า ผลร่วง เส้นใยเชื้อราเจริญเต็มที่จะสร้างดอกเห็ดสีขาว เมื่อดอกเห็ดบานจะปลดปล่อยสปอร์แพร่ระบาดไปสู่ทะลายผลอื่น ๆ และต้นอื่น
แนวทางป้องกัน
1. ตัดแต่งทางใบแก่ โดยเฉพาะทางใบที่อยู่ด้านล่าง ๆ ให้มีการถ่ายเทอากาศได้ดี ไม่มีความชื้นสะสมใต้ทรงพุ่มมากเกินไป
2. ตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ ปลิดผลที่เป็นโรคบนทะลาย เก็บเศษซากพืชและผลที่ร่วงอยู่ใต้ต้น นำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อลดปริมาณเชื้อสะสม
3. พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช ไพราโคลสโตรบิน 25% อีซี อัตรา 15 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือทีบูโคนาโซล+ไตรฟลอกซีสโตรบิน 50% + 25% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือไดฟีโนโคนาโซล 25% อีซี อัตรา 25 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นสาร 2 ครั้ง ครั้งแรกก่อนเก็บเกี่ยวผลสละ 2 เดือน ครั้งที่สองหลังจากครั้งแรก 7 วัน
อ่านต่อ
สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นและมีความชื้นสูงในตอนกลางคืนและเช้า อากาศร้อนในตอนกลางวัน เตือนผู้ปลูกมะขามในระยะพัฒนาผลรับมือหนอนเจาะฝักมะขาม
ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก ผีเสื้อเพศเมียวางไข่เป็นฟองเดี่ยว ๆ บนฝักมะขาม ตั้งแต่มะขามเริ่มเป็นฝักอ่อน โดยวางไข่บนฝักที่มีรอยแตกหรือรอยหักมากกว่าฝักปกติ เมื่อไข่ฟักเป็นตัวหนอนจะเจาะเปลือกมะขามเข้ากัดกินเนื้อและเมล็ดมะขาม หนอนถ่ายมูลออกมาที่บริเวณปากรูเป็นกระจุกสีน้ำตาล และอาศัยอยู่ในฝักจนกระทั่งเข้าดักแด้ เมื่อออกเป็นตัวเต็มวัยจะบินไปผสมพันธุ์และวางไข่ต่อไป การทำลายในช่วงฝักอ่อนทำให้ฝักแห้งลีบ การทำลายในช่วงฝักแก่ทำให้เนื้อในถูกกัดกิน ทำให้ฝักมะขามเสียหาย
แนวทางป้องกัน
หมั่นสำรวจและเก็บฝักมะขามที่ถูกทำลายทิ้ง หากพบการระบาดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช เช่น อีมาเมกตินเบนโซเอต 1.92% W/V EC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือแลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% W/V EC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือฟิโพรนิล 5% W/V SC อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
อ่านต่อ
ข่าวสาร
อ่านต่อ
อ่านต่อ
อ่านต่อ
ถาม-ตอบ
อ่านต่อ
อ่านต่อ
อ่านต่อ