แจ้งเตือน
📢 ประกาศแจ้งเตือนภัยสุขภาพ ระวัง! ริ้นฝอยทรายพาหะโรคลิชมาเนีย ภัยเงียบที่อาจถึงชีวิต
ภาพริ้นฝอยทรายเพศเมีย ขณะกำลังดูดเลือดมนุษย์
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังโรคลิชมาเนีย (Leishmaniasis) หลังพบผู้ป่วยในประเทศไทยแล้ว 2 รายในปี 2568 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาพริ้นฝอยทรายเพศเมีย ขณะกำลังดูดเลือดมนุษย์
โรคลิชมาเนีย เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว Leishmania spp. ซึ่งแพร่กระจายผ่านการกัดของริ้นฝอยทราย (Sand fly) แมลงขนาดเล็กเพียง 2-3 มิลลิเมตร มักพบในบริเวณที่ชื้น รกทึบ เช่น ป่ารก ซอกหิน หรือคอกสัตว์
อาการที่ควรระวัง ตุ่มแดง คัน หรือแผลเรื้อรังที่ไม่หาย หากเชื้อรุนแรง อาจมีภาวะซีด ตับ-ม้ามโต และอันตรายถึงชีวิต
วิธีป้องกัน
✅ สวมเสื้อผ้าแขนยาวขายาว โดยเฉพาะเวลากลางคืน
✅ ใช้ยาทากันแมลงทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
✅ นอนในมุ้งตาข่ายที่มีรูละเอียด
✅ กำจัดแหล่งหลบซ่อนของแมลงรอบบ้าน เช่น กองไม้ กอหญ้า คอกสัตว์
ข้อควรรู้
1. ริ้นฝอยทรายตัวเมียเป็นพาหะในการแพร่เชื้อ
2. เชื้อสามารถอยู่ในตัวแมลงได้นาน 10 วัน และฟักตัวในร่างกายมนุษย์หลังถูกกัด
💡 แม้ตัวจะเล็ก...แต่ภัยไม่เล็ก! อย่าชะล่าใจ
หากพบอาการผิดปกติของผิวหนังที่ไม่หายภายในระยะเวลาอันควร ควรรีบพบแพทย์ทันที สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
อ่านต่อ
เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงนี้มีความร้อน แห้งแล้ง และมีฝนตก ผู้ปลูกสับปะรดควรระวังโรคผลแกนที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมีลักษณะอาการดังนี้
ลักษณะอาการ
- ภายนอกผล: ผลสับปะรดดูปกติ แต่เมื่อเคาะผลจะมีเสียงแตกต่างจากผลปกติ
- ภายในผล: เนื้อเริ่มแรกเป็นสีขาว ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือแดง เนื้อกรอบและแข็งเป็นไต กระจายทั่วทั้งผล
แนวทางป้องกันและกำจัด
- ควรมีระบบการให้น้ำและการระบายน้ำที่ดี
- ไม่ควรให้สับปะรดขาดน้ำเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในช่วงแล้ง ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและพ่นโพแทสเซียมคลอไรด์หลังการบังคับดอก 90-105 วัน โดยใช้อัตรา 1 กิโลกรัม/น้ำ 20 ลิตร
- ไม่ควรปลูกสับปะรดให้มีระยะเก็บเกี่ยวในช่วงแล้ง
- หลีกเลี่ยงการให้ปุ๋ยมากเกินไปเพื่อเร่งความหวาน ซึ่งมีส่วนทำให้โรคระบาดรุนแรงมากขึ้น
ขอให้ผู้ปลูกสับปะรดทุกท่านปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากโรคผลแกนในสับปะรด
อ่านต่อ
สถานการณ์น้ำในเขื่อนเจ้าพระยา ณ ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา พบว่าระดับน้ำเหนือเขื่อนยังคงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน แม้จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทางตอนบนของประเทศ ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายังคงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน
การปรับลดการระบายน้ำ เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับลดการระบายน้ำจาก 80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลงมาอยู่ที่ 70 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรักษาระบบนิเวศลำน้ำและผลักดันน้ำเค็มปากแม่น้ำ ขณะที่ระดับน้ำท้ายเขื่อนลดลงเล็กน้อย ทำให้สามารถมองเห็นสันดอนทรายโผล่พ้นน้ำขึ้นมาจนสามารถเดินข้ามไปมาได้ในหลายจุด
ประกาศเตือนจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานราชการในพื้นที่ได้ออกประกาศเตือนเกษตรกรให้ชะลอการทำนาปลูกข้าวออกไปก่อน เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในเกณฑ์น้อย ประกอบกับภาวะฝนทิ้งช่วงในพื้นที่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่นาข้าวจะเสียหายจากภัยแล้ง อย่างไรก็ตาม พบว่ามีชาวนาจำนวนมากที่เริ่มไถดินเตรียมปลูกข้าวนาปีกันแล้ว เนื่องจากมั่นใจว่าฝนปีนี้จะมาตามกำหนดในเดือนพฤษภาคม
อ่านต่อ
ข่าวสาร
อ่านต่อ
อ่านต่อ
อ่านต่อ
ถาม-ตอบ
อ่านต่อ
อ่านต่อ
อ่านต่อ