ถาม-ตอบ
พันธุศาสตร์พืช
ถามเมื่อ 10 พฤษภาคม 2565
อยากทราบบทบาทของ Calcium-Boron (CaB) ต่อการเกิดเมล็ดของพืช โดยเฉพาะไม้ผล

ช่วงนี้เป็นฤดูกาลของการเก็บเกี่ยวส้ม (หมายถึงส้มเปลือกล่อนที่พันธุ์หลักของไทยคือ ส้มเขียวหวาน กับโชกุน หรือสายน้ำผึ้ง) ในรุ่นที่เรียกว่าส้มปี ถือเป็นระยะที่คุณภาพของผลดีที่สุด มีอยู่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกขัดอกขัดใจอย่างมากต่อการกินส้มที่มีจำนวนเมล็ดมากกว่าปกติ ส้มเปลือกล่อนของไทยจัดเป็นส้มกลุ่มที่มีเมล็ด ดังนั้น การติดของเมล็ดจึงมีผลต่อการพัฒนาของส่วนเนื้อหรือกลีบ เพราะ embryo ของเมล็ดในขณะที่กำลังพัฒนาจะเป็นส่วนที่มีการสร้างสารฮอร์โมนธรรมชาติหลายชนิดขึ้นมา ซึ่งมีผลต่อการดูดดึงอาหารเข้ามายังส่วนกลีบ (เนื้อ) ทำให้สามารถขยายตัวได้ โดยเฉลี่ยเพียง 1 เมล็ดก็เพียงพอต่อการเติบโตของกลีบได้ กลีบใดที่ไม่มีการติดเมล็ด บางครั้งจะพบเป็นกลีบเล็ก ๆ แทรกอยู่ ปกติส้มจะมีจำนวน 9-12 กลีบ ซึ่งก็คือผลควรมีจำนวนเมล็ดเท่ากับจำนวนกลีบเท่านั้น เท่าที่พบในปัจจุบันที่เคยนับได้จะมีจำนวนประมาณ 25 เมล็ด หรือเฉลี่ยมากกว่า 2.0 เมล็ดต่อกลีบ เคยนับได้ถึง 33 เมล็ดในผลขนาดเบอร์ 8 สาเหตุหลักน่าจะมาจากการที่ชาวสวนได้มีการฉีดพ่น CaB ที่ถี่มากเพราะมีความเชื่อกันว่าจะไปช่วยให้ติดผลดียิ่งขึ้น บทบาทของ Ca และ B นั้นได้มีการศึกษาไว้อย่างชัดเจนว่า มีผลต่อการงอกของหลอดละอองเกสร (Pollen tube) โดยที่ทั้งสองธาตุต่างก็มีการเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน หลอดละอองเกสรนี้เป็นสารกลุ่ม Carbohydrates (มาจากแป้งที่สะสมในละอองเกสร) ที่มาต่อกันด้วยพันธะ beta-1,3 เป็น Polysaccharides ที่เรียกว่า Callose ซึ่งต่างจากส่วนประกอบหลักของผนังเซลล์คือ Cellulose ที่เชื่อมต่อกันด้วย beta-1,4 ทั้งหมดนี้เรียกรวม ๆ กันว่า Beta-glucan การสร้าง Callose ในพืชมักพบหลัก ๆ ในกระบวนการของการปิดบาดแผลซึ่งสร้างได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ละอองเกสรเริ่มงอก ก็จะมีสร้างผนังของหลอดนี้ในรูปของ Callose โดยที่ B จะช่วยลำเลียงโมเลกุลของ Glucose จากการสลายตัวของแป้งไปเชื่อมต่อเป็นเส้นยาวด้วย beta-1,3 ซึ่งผนังนี้ต้องมี Ca เป็นตัวช่วยเสริมความแกร่งของผนังเซลล์ ทำให้มองเห็นภาพที่ชัดเจนในบทบาทของธาตุทั้งสองชนิดนี้ ดังนั้น หากมีการขาดธาตุทั้งสองนี้จึงทำให้การเกิดเมล็ดลดลง ซึ่งก็ทำให้โอกาสของการติดผลลดลงไปด้วย ในขณะที่ละอองเกสรเริ่มงอกนั้นไม่สามารถดูดดึง Ca จากภายนอกได้ การสะสมปริมาณ Ca จึงต้องเริ่มต้นขณะที่มีพัฒนาการสร้างจากเซลล์แม่ต้นกำเนิดเชื้อตัวผู้ (Pollen mother cell) ที่มีการแบ่งแบบ Meiosis ที่มีจำนวนโครโมโซมลดลงครึ่งนึงจนได้เป็น 4 Microspore การสะสมอาหารกับ Ca จึงต้องเกิดขึ้นในช่วงระหว่างนี้ แต่เมื่อมีการสร้างผนังขึ้นมาหุ้มปิดจนเป็น Pollen grain ที่สมบูรณ์แล้วก็ไม่มีโอกาสอีกเลย ดังนั้นการให้ CaB จึงต้องให้ในช่วงที่ตาดอก/ช่อดอกกำลังพัฒนาเท่านั้น การให้ในระยะดอกบานก็ช้าเกินไปแล้ว เหตุผลที่ควรหรือไม่ควรใช้ CaB ต่อการติดเมล็ดในพืช ในที่นี้ขอใช้ไม้ผลเป็นหลัก ส่วนพืชอื่นขอไปปรับใช้เองตามหลักการที่จะให้ไว้ดังนี้ 1. พืชที่ส่วนผลมีเมล็ดเดียว การช่วยผสมเกสรจึงมีบทบาททำให้จำนวนผลที่ติดเพิ่มขึ้น เช่น มะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย เงาะ 2. พืชที่มีหลายเมล็ดแต่ถูกจำกัดจำนวนหรือมีผลต่อการเติบโตและรูปร่างของผล เช่น ผลทุเรียนมี 5 พู แต่ละพูมี 5 เมล็ด ต้องการละอองเกสร 25 เม็ดจึงจะทำให้เต็มทั้ง 5 พู มะขามหากตรงจุดใดที่เมล็ดผสมไม่ติด ส่วนนั้นย่อมคอดไป หากผสมติดเพียง 1 เมล็ด ก็เรียกว่ามะขามข้อเดียว 3. จำนวนเมล็ดที่มีผลต่อการบริโภค เช่น ส้ม มะนาว องุ่น ฝรั่ง จึงไม่แนะนำให้ใช้ในช่วงดอกกำลังพัฒนาเนื่องจากทำให้มีจำนวนเมล็ดเพิ่มขึ้น 4. กรณีของแตงโม หากผลิตเพื่อบริโภคส่วนของผล ก็ไม่ควรใช้เข่นเดียวกับในข้อ 3 แต่หากปลูกเพื่อผลิตเมล็ดแตงแล้วจำเป็นที่จะต้องใช้ 5. พืชที่เมล็ดไม่มีผลต่อคุณภาพหรือการบริโภค การจะใช้หรือไม่ ให้อยู่ในดุลยพินิจของตนเอง เช่น มะละกอ สำหรับพืชที่ต้องการผลิดเมล็ดเพื่อใช้ทำพันธุ์ สมควรที่จะแนะนำให้ใช้อย่างยิ่ง *ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก 108 คำถามกับคำถามร้อยแปด โดย รศ.ดร. รวี เสรฐภักดี คำถามที่ 5 ของชุดที่ I (I - 5/108) เรื่อง "บทบาทของ Calcium - Boron (CaB) ต่อการเกิดเมล็ด"


คำถามแนะนำสำหรับคุณ

© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู