ถาม-ตอบทุกหมวดหมู่
แสดง 1 - 20 จาก 1005
หน้า
- ต้นพริกเป็นโรคอะไรครับ มีวิธีป้องกันและรักษาอย่างไรนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 28 มีนาคม 2568สังเกตจากภาพที่ส่งมาคล้ายอาการโรคใบด่างจุดวงแหวน ที่มีเพลี้ยไฟเป็นพาหะ นะคะ และช่วงนี้อากาศร้อนแห้งแล้งเป็นช่วงที่ระบาดได้ง่าย ส่วนแนวทางป้องกัน ทำได้ดังนี้ 1. ใช้พันธุ์ต้านทานโรค 2. ไม่นำเมล็ดพริกจากต้นที่เป็นโรคมาเพาะขยายพันธุ์ 3. ควรเพาะกล้าพริกในมุ้งกันแมลง และคัดเลือกกล้าพริกที่แข็งแรงและไม่เป็นโรคมาปลูก 4. หมั่นตรวจแปลงปลูก หากพบพริกที่แสดงอาการของโรคให้ถอนและนำไปทำลาย หรือฝังดินนอกแปลงทันที 5. หมั่นกำจัดวัชพืชในแปลงและรอบแปลงปลูก เพื่อลดแหล่งสะสมของเชื้อไวรัสและแมลงพาหะ เช่น สาบแร้งสาบกา กะเม็ง หญ้ายาง และกระทกรก 6. ไม่ปลูกพืชหมุนเวียนที่เป็นพืชอาศัยของเชื้อไวรัส เช่น มะเขือต่าง ๆ ยาสูบ แตงกวา ฟักทอง บวบเหลี่ยม และมะระจีน 7. เชื้อไวรัสสาเหตุโรคพืชยังไม่มีสารป้องกันกำจัดโดยตรง แต่ป้องกันการระบาดของโรคได้โดยพ่นสารกำจัดเพลี้ยไฟพริก ซึ่งเป็นพาหะนำโรคนี้ ได้แก่ สารสไปนีโทแรม 12% SC อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไซแอนทรานิลิโพรล 10% OD อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ คลอร์ฟีนาเพอร์ 10% SC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ สไปโรมีซิเฟน 24% SC อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟิโพรนิล 5% SC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อีมาเมกตินเบนโซเอต 1.92% EC อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อิมิดาโคลพริด 70% WG อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร 8. หมั่นสำรวจเพลี้ยไฟบริเวณใต้ใบหรือตามส่วนอ่อนๆของพืช ถ้าพบเพลี้ยไฟ 5 ตัวขึ้นไป/ยอด ควรพ่นสารกำจัด 9. ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้พืชขาดน้ำ เพราะจะทำให้ พืชอ่อนแอ และเพลี้ยไฟพริกจะระบาดอย่างรวดเร็ว
อ่านต่อ - ช่วงนี้มะม่วงที่บ้านออกเยอะมาก ทานไม่ทัน อยากได้สูตรทำน้ำมะม่วง และไอศกรีมมะม่วง ไม่ทราบว่ามีข้อมูลหรือเอกสารแนะนำมั้ยคะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 27 มีนาคม 2568สามารถหาข้อมูลวิธีทำได้จาก หนังสือผลิตภัณฑ์มะม่วง (หน้า 41-49) คลิกที่ข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างค่ะ
อ่านต่อ - ผมอยากวางแผนทำเกษตรช่วงหลังเกษียณ ไม่ทราบว่าพอมีข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อก่อนวัยเกษียณบ้างมั้ยครับ อยากทราบรายละเอียดและเงื่อนไข พยายามหาข้อมูล แต่ก็ไม่พบครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 27 มีนาคม 2568ตอบคุณ หนุ่มเตรียมเกษียณ เท่าที่หาข้อมูลจะมี สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังนี้ 👔 คุณสมบัติผู้กู้ 1) เป็นบุคลากรภาครัฐ ได้แก่ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานองค์กรของรัฐหรือเป็นพนักงานองค์กรเอกชน เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็นต้น ที่มีรายได้ประจำเป็นรายเดือน และนำรายได้เข้าบัญชีเงินฝากเพื่อหักชำระหนี้เป็นรายเดือน 2) มีแผนประกอบอาชีพเกษตรกรรมหรืออาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม ก่อนและหลังเกษียณอายุและเริ่มดำเนินโครงการตามแผนภายใน 3 เดือนนับถัดจากวันรับเงินกู้ 3) มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 59 ปี 4) เป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรงและมีศักยภาพในการประกอบอาชีพ 5) มีแผนชำระหนี้เงินกู้ก่อนเกษียณอายุจากเงินเดือนหรือรายได้ประจำเป็นรายเดือนและแผนชำระหนี้เงินกู้หลังจากเกษียณอายุจากรายได้ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมหรืออาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม 💰 อัตราดอกเบี้ย - ปีที่ 1-5 คิดดอกเบี้ยอัตรา MRR - 2 % - ปีที่ 6 เป็นต้นไป คิดดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR = 6.725% ต่อปี ตามประกาศธนาคารฯ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568) อัตราดอกเบี้ยอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศธนาคารฯ ** กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน 20 ปี นับแต่วันกู้ อนุมัติเงินกู้ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2572
อ่านต่อ - พอทราบไหมครับ ต้นอะไร มีประโยชน์ไหมครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 3 มีนาคม 2568ภาพที่ส่งมาไม่ค่อยชัด แต่ลักษณะคล้ายต้นตีนเป็ดน้ำหรือตีนเป็ดทะเลนะคะ อย่างไรให้สังเกตตอนโตอีกทีค่ะ
อ่านต่อ - ดีครับ โรคใบยางร่วงทั้งปี มีวิธีแก้ไขได้อย่างไรครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2568ตอบ คุณ จริญ เวช** แนวทางป้องกันโรคใบร่วงยางพารา สามารถทำได้ดังนี 1. วิธีป้องกันที่ดีวิธีหนึ่ง คือ ใช้พันธุ์ต้านทานต่อโรคปลูกในแหล่งที่มีโรคนี้ระบาดเป็นประจำ พันธุ์ที่ต้านทานโรคได้ดีคือ พันธุ์ GT1 และ BPM 24 ไม่ควรปลูกยางพันธุ์ที่อ่อนแอ เช่น RRIM 600 ในกรณีที่ปลูกพันธุ์อื่นที่อ่อนแอต่อโรคไปแล้วก็อาจใช้พันธุ์ต้านทานติดตาเปลี่ยนยอดได้ 2. ไม่ควรปลูกพืชอาศัยของเชื้อราเป็นพืชแซมยาง ได้แก่ ส้ม ทุเรียน พริกไทย ปาล์มน้ ามัน โกโก้ 3. กำจัดวัชพืชและตัดแต่งกิ่งในสวนยางให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นในสวนยาง 4. ในยางพาราที่มีอายุไม่เกิน 2 ปี ให้ใช้สารเคมี Fosetyl-AI เช่น อาลีเอท 80% WP หรือสารเคมี Metalaxyl เช่น เอพรอน 35% SD อัตรา 40 กรัมต่อน้ า 20 ลิตร พ่นพุ่มใบทุก 7 วัน เมื่อเริ่มพบการระบาด 5. ในยางที่เปิดกรีดแล้ว ให้ใช้สารเคมี Metalaxyl หรือ Fosetyl-AI ทาที่หน้ากรีดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันโรคเส้นดำ เนื่องจากเกิดจากเชื้อราชนิดเดียวกัน 6. ต้นยางใหญ่ที่เป็นโรคอย่างรุนแรงจนใบร่วงหมดต้น ให้หยุดกรีด และใส่ปุ๋ยบำรุงต้นให้สมบูรณ์ เท่าที่สังเกตจากรูปที่ส่งมา อาการค่อนข้างลุกลาม แนะนำให้ลองปรึกษาทาง คลินิกสุขภาพพืช มก.กพส. ได้ที่ https://www.facebook.com/plantclinic/?locale=th_TH
อ่านต่อ - ขอสอบถามครับ อันนี้คือโรคอะไรนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2568น่าจะเป็นอาการของโรคผลเน่าค่ะ แนะนำให้ใช้สารอะซอกซีสโตรบิน (25% W/V SC) อัตรา 5 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ในการควบคุมโรคผลเน่า ทั้งนี้สามารถใช้สลับกับโปรคลอราซ (45% W/V EC) อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร และแมนโคเซบ (80% WP) อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยผสมน้ำพ่นให้ทั่วต้นและที่ช่อผลก่อนห่อด้วยถุงพลาสติก นอกจากนี้ควรไว้ผลชมพู่ต่อช่อไม่เกิน 3-4 ผลต่อการห่อ 1 ถุง เพื่อไม่ให้ผลชมพู่ขยายใหญ่เบียนกันจะเกิดบาดแผล
อ่านต่อ - กะเพราและโหระพาที่ปลูกไว้มีอาการยอดหงิกและเริ่มมีอาการเหี่ยวและค่อยๆ แห้ง เกิดจากอะไรคะ แล้วควรแก้ไขอย่างไร ตอนนี้ได้แต่ตัดยอดทิ้ง แต่พอแตกยอดใหม่ก็ยังมีอาการอีกค่ะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2568น่าจะโดนแมลงหวี่ขาวยาสูบ (Tobacco whitefly) เข้าทำลาย โดยตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ทําให้ใบหงิกงอและเหี่ยวแห้ง ต้นแคระแกรน นอกจากนี้ยังเป็นพาหะนําเชื้อไวรัสทําให้เกิดโรคด่างเหลือง พบระบาดมากในฤดูแล้ง การป้องกัน ทำได้โดย...หมั่นสํารวจแปลงปลูก โดยเดินสํารวจแบบสลับฟันปลา สัปดาห์ละครั้ง ส่วนการกำจัดให้ติดกับดักกาวเหนียวสีเหลือง อัตรา 80 กับดัก/ไร่ เพื่อดักจับตัวเต็มวัย ถ้าพบตัวเต็มวัยแมลงหวี่ขาวยาสูบมากกว่า 3 ตัว/ใบ ให้พ่นอิมิดาโคลพริด (โปรวาโด 70 % WG) อัตรา 12 กรัม/น้ํา 20 ลิตร หรือไทอะมีโทแซม (แอคทารา 25 WG) อัตรา12 กรัม/น้ํา 20 ลิตร (PHI=5 วัน) หรือไดโนทีฟูแรน (สตาร์เกิล 10 % WP) อัตรา 20 กรัม/น้ํา 20 ลิตร หรือปิโตรเลียมออยล์(เอสเค 99 83.9% EC) อัตรา 150 มิลลิลิตร/น้ํา 20 ลิตร หรือบูโพรเฟซิน (นาปาม 25 % WP หรือแอปพลอด 25 % WP) อัตรา 10 กรัม/น้ํา 20 ลิตร (PHI=5 วัน) หรือไวท์ออยล์(ไวท์ออยล์ 67 % EC) อัตรา 150 มิลลิลิตร/น้ํา 20ลิตร เพื่อป้องกันการสร้างความต้านทานต่อสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชของแมลงหวี่ขาว ไม่ควรใช้สารชนิดใดชนิดหนึ่งติดต่อกันเกิน 2 ครั้ง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ศัตรูธรรมชาติ ทั้งตัวห้ำและตัวเบียน เช่น แตนเบียน Encrasia sp. (F. Aphelinidae) แมลงช้างปีกใส Chrysopa basalis Walker และ Chrysopa sp.( F. Chrysopidae) ด้วงเต่า (Coccinellidae) บางชนิด และแมงมุมสกุลไลคอซา (Lycoza sp.) และออกซีออฟิส (Oxyopes sp.) ในการป้องกันกำจัดได้เช่นกัน
อ่านต่อ - ขอวิธีกำจัดหนอนแก้วบุกต้นชวนชมหน่อยครับ พบกัดกินใบชวนชมกุดแทบหมดต้นแล้วครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2568การกำจัดหนอนแก้วในชวนชมอย่างรวดเร็วและได้ผลทันที 1. การใช้สารคาร์บาริล (Carbaryl) ในอัตราที่ระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์เพื่อทราบอัตราการใช้ที่เหมาะสม โดยทั่วไปจะใช้อัตราประมาณ 1-2 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร พ่นให้ทั่วต้นชวนชมจะช่วยกำจัดหนอนแก้วได้อย่างรวดเร็ว ควรพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงการระเหยของสารเคมีในช่วงที่แดดจัด 2. การใช้วิธีธรรมชาติ ผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำในอัตรา 1:100 แล้วพ่นลงบนตัวหนอนและใบชวนชม วิธีนี้จะช่วยกำจัดหนอนได้ทันที 3. การใช้วิธีกล หมั่นตรวจสอบและเก็บหนอนเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็น วิธีนี้จะช่วยลดจำนวนหนอนได้ 4. การใช้เชื้อแบคทีเรียบาซิลัส ทูริงเยนซิส (บีที) (Bacillus thuringiensis) ควบคุมหนอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ในอัตราที่ระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์ ควรพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น เพราะในช่วงนี้อากาศเย็นและความชื้นสูง ทำให้สารคงอยู่บนใบพืชได้นานขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และควรพ่นเมื่อพบหนอนในระยะที่ยังเล็ก (ระยะตัวอ่อน) เพราะหนอนในระยะนี้จะกินใบพืชมาก และมีความไวต่อสารมากกว่าหนอนในระยะที่โตแล้ว หลีกเลี่ยงการฉีดพ่น BT ในช่วงที่ฝนตกหรือก่อนฝนตก เพราะฝนอาจชะล้างสาร BT ออกจากใบพืช ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
อ่านต่อ - เราปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ที่ภาคใต้ แล้วมีปัญหาว่าช่วงนี้แสงน้อยและฝนตกบ่อยจนกล้าผักยืด ควรแก้ไขอย่างไรได้บ้างคะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2568การแก้ไขปัญหากล้าผักไฮโดรโพนิกส์ที่ยืดเนื่องจากแสงน้อยสามารถทำได้หลายวิธี 1. เพิ่มแสงสว่าง ใช้หลอดไฟ LED ที่มีสเปกตรัมแสงที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืช เช่น หลอดไฟที่มีแสงสีฟ้าและสีแดง ควรเปิดไฟให้พืชได้รับแสงอย่างน้อย 12-16 ชั่วโมงต่อวัน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลอดไฟอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่สูงหรือต่ำเกินไป เพื่อให้แสงกระจายทั่วถึงทุกต้น 2. ปรับระยะห่างระหว่างต้น ลดความหนาแน่นของการปลูก หากปลูกผักแน่นเกินไปควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นให้มากขึ้น เพื่อให้แต่ละต้นได้รับแสงอย่างเพียงพอ 3. การจัดการสารอาหาร ปรับสูตรปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนต่ำลงและเพิ่มปริมาณโพแทสเซียม เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของลำต้นและใบ 4. การควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ควบคุมอุณหภูมิ รักษาอุณหภูมิในโรงเรือนให้อยู่ระหว่าง 20-25°C เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ควบคุมความชื้น รักษาความชื้นในโรงเรือนให้อยู่ระหว่าง 50-70% เพื่อป้องกันการเกิดโรคและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช นอกจากนี้ การปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ในพื้นที่ที่ฝนตกบ่อยอย่างภาคใต้ อาจต้องดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้ดี และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากความชื้นสูงและฝนตกหนัก ดังต่อไปนี้ 1. การป้องกันน้ำฝน - ใช้หลังคาคลุม ติดตั้งหลังคาโปร่งแสงหรือพลาสติกคลุมโรงเรือนเพื่อป้องกันน้ำฝนตกลงในระบบไฮโดรโพนิกส์โดยตรง - หากไม่มีโรงเรือน สามารถใช้ผ้าใบกันฝนคลุมแปลงปลูกในช่วงที่ฝนตกหนัก 2. การควบคุมความชื้น - ติดตั้งพัดลมหรือระบบระบายอากาศในโรงเรือนเพื่อควบคุมความชื้นและป้องกันการเกิดโรคพืช - วางสารดูดความชื้นในโรงเรือนเพื่อช่วยลดความชื้นในอากาศ 3. การจัดการน้ำ - ตรวจสอบระบบน้ำให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึมและน้ำไม่ท่วมแปลงปลูก
อ่านต่อ - ต้องการบำบัดน้ำในบ่อที่ขุดไว้ในสวน มีวิธีจัดการอย่างไรบ้างคะ ปัญหาคือ * น้ำในบ่อขุ่นมาก * น้ำเริ่มมีตะไคร่น้ำ * ช่วงหน้าฝนมีไข่หอยเชอรี่ด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2568แนวทางแก้ไขปัญหาน้ำขุ่น ตะไคร่น้ำ และไข่หอยเชอรี่ในบ่อ 1. วิธีแก้ปัญหาน้ำขุ่น ✅ ทำให้น้ำใสขึ้นโดยใช้ปูนขาว - หว่านปูนขาว 20-25 กก. ต่อบ่อขนาด 1 ไร่ - ปูนขาวช่วยปรับค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำให้เป็นกลางหรือเป็นด่างเล็กน้อย ทำให้สภาพแวดล้อมในบ่อเหมาะกับสิ่งมีชีวิต - ลดปัญหาน้ำเสียและปรับสมดุลของน้ำ ✅ เลือกใช้ปูนชนิดที่เหมาะสมกับสีน้ำ - น้ำสีเขียวเข้ม → ใช้ปูนมาร์ล เพราะช่วยลดการเติบโตของแพลงก์ตอน - น้ำสีอ่อน → ใช้ปูนโดโลไมท์ (MgCa(CO₃)₂) ได้ เนื่องจากไม่มีผลกระทบต่อการเติบโตของแพลงก์ตอน - วิธีใช้ ละลายปูนในน้ำและกวนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนหว่านให้ทั่วบ่อ (ทำช่วงกลางคืนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด) ✅ ใช้สารส้มตกตะกอน - ใช้สารส้ม 20-50 กรัมต่อน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร (m³) สำหรับบ่อขนาด 1 งาน (100 ตร.ม. ลึก 1.5 ม.) ควรใส่ สารส้ม 3-7.5 กิโลกรัม - ละลายในน้ำก่อนแล้วสาดลงบ่อ ✅ ใช้ EM และกากน้ำตาล - ผสม EM 1 ลิตร กับกากน้ำตาล 1 ลิตร ต่อน้ำ 100 ลูกบาศก์เมตร (สำหรับบ่อขนาด 1 งาน 100 ตร.ม. ลึก 1.5 ม. ใช้ EM 1.5 ลิตร และกากน้ำตาล 1.5 ลิตร) - ช่วยเร่งการตกตะกอนของสารแขวนลอยและควบคุมจุลินทรีย์ในน้ำ ✅ เลือกเลี้ยงปลาที่ไม่ขุดคุ้ยดิน - แนะนำให้เลี้ยงปลานิลหรือปลาตะเพียน เพราะช่วยกินตะไคร่น้ำและไม่ทำให้น้ำขุ่น - หลีกเลี่ยงปลาดุก เพราะมีพฤติกรรมขุดคุ้ยพื้นบ่อ ทำให้น้ำขุ่นตลอดเวลา 2. วิธีลดตะไคร่น้ำ ✅ ใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำ - EM (Effective Microorganisms) ช่วยควบคุมตะไคร่และลดของเสีย - PSB (Purple Sulfur Bacteria) ช่วยลดสารอาหารที่ตะไคร่ใช้เจริญเติบโต ✅ ปรับสมดุลน้ำด้วยกากน้ำตาล - ผสมกากน้ำตาล 1 ลิตร ต่อน้ำ 10 ลิตร แล้วเทลงบ่อ - ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่แข่งขันกับตะไคร่ ✅ เพิ่มออกซิเจนในน้ำ - ใช้เครื่องตีน้ำหรือเครื่องเติมอากาศ - ลดคาร์บอนไดออกไซด์ที่ตะไคร่ใช้ในการสังเคราะห์แสง ทำให้ตะไคร่เติบโตช้าลง ✅ เปลี่ยนน้ำบางส่วนเพื่อลดสารอาหารสะสม - เปลี่ยนน้ำ 10-20% ทุก 2-3 สัปดาห์ เพื่อลดปริมาณสารอาหารที่ส่งเสริมการเติบโตของตะไคร่ 3. วิธีควบคุมและกำจัดไข่หอยเชอรี่ ✅ ป้องกันหอยเชอรี่ตั้งแต่สูบน้ำเข้า-ออกบ่อ - ใช้ตาข่ายตาถี่กั้นก่อนสูบน้ำเข้า-ออก เพื่อลดจำนวนหอยที่เข้ามาในบ่อ - หมั่นกำจัดหอยที่ติดมากับสวะ ✅ ใช้ไม้ไผ่ล่อให้หอยมาไข่ - ปักไม้ไผ่รอบ ๆ บ่อให้หอยเชอรี่มาวางไข่ แล้วเก็บไปทำลายทิ้ง ✅ เก็บตัวหอยและไข่หอยเป็นประจำ - หมั่นเก็บไข่และตัวหอยสัปดาห์ละครั้ง โดยใช้ใบมะละกอล่อให้หอยมารวมกันเพื่อให้เก็บง่ายขึ้น การใช้หลายวิธีร่วมกันจะช่วยให้น้ำในบ่อใสขึ้น ลดตะไคร่น้ำ และควบคุมหอยเชอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ 😊
อ่านต่อ - สวัสดี หญ้าโดนฉี่สุนัข จะทำยังไงให้หญ้าไม่ตายบ้างคะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 31 มกราคม 2568ถ้าเห็นให้รีบราดน้ำเจือจางก็จะช่วยได้ แต่ถ้าราดน้ำไม่ทันหญ้าก็จะค่อย ๆ เหี่ยวตาย ถ้าอาการไม่หนักมากก็จะแตกยอดแตกใบใหม่ แต่ถ้าหญ้าแห้งตายให้รื้อออกและปลูกใหม่ โดยแซะเฉพาะจุดที่แห้ง แล้วปลูกลงไปทดแทนค่ะ
อ่านต่อ - ต้นแก้วเจ้าจอมใบเหลืองประมาณ 1-2 เดือนได้แล้วครับ เป็นไม้ขุดล้อม พอดีผมซื้อมาขาย ต้นไม้อยู่ภาคใต้ด้วยครับ ฝนตกบ่อยมากช่วงนี้ ตอนแลกเค้าห่อถุงสีดำ แล้มผมแกะมาห่อทำตุ้มใหม่โดยการใส่ขุยมะพร้าว แล้วห่อสแลนครับ อายุตุ้ม 8-9 เดือนได้แล้วครับ ปกติรดน้ำทุกวันครับ ให้ปุ๋ย 15-15-15 เดือนละ 1 ครั้งครับ ฉีดปุ๋ยทางใบ 37-0-0 และ ยาป้องกันแมลง เดือนละ 1 ครั้งครับ ใบเหลือง ไม่แน่ใจเป็นเพราะอะไรครับ แต่บางต้นเค้าก็ไม่ได้แสดงอาการเลยน่ะครับ ใบเขียวปกติเลยครับ แต่ต้นนี้เค้าวางตรงที่โดนแดด ใบเหลือง แต่อีกต้นวางใต้ต้นไม้ ใบไม่เหลืองเลยครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 31 มกราคม 2568ตอบ คุณธนากร ต้นไม้ใบเหลืองมีหลายสาเหตุ แต่จากข้อมมูลที่แจ้งมา น่าจะเพราะน้ำมากเกินไปจากฝนตกต่อเนื่อง และรากอาจได้รับการกระทบกระเทือนจากการเปลี่ยนตุ้ม การเพิ่มขนาดตุ้มถ้าไม่ทันระวังรากจะกระทบกระเทือนได้ง่าย แนะนำให้ย้ายมาเข้าร่ม อาจใช้สารเร่งราก เช่น B1 รดตามอัตราแนะนำอาจช่วยให้ฟื้นตัว และสังเกตอาการพืชดูก่อน
อ่านต่อ - สอบถามเรื่องหนอนที่เจาะลำต้นทุเรียนคือหนอนอะไร มีวิธีป้องกันและกำจัดอย่างไร ลักษณะการเข้าทำลาย หนอนจะเจาะรูเล็กๆ เข้าจากด้านโคนต้นสูงจากพื้นประมาณ10 ซม. แล้วกัดกินเนื้อไม้ทะลุขึ้นไปที่ทิศทางปลายยอด เมื่อกัดกินถึงความสูงประมาณกลางลำต้นจะทำให้ทุเรียนใบเหี่ยวทั้งต้นและแห้งตายภายใน 2-3 วัน รอบการพ่นสารกำจัดแมลงประมาณ 7-10 วัน ใช้ยาบวกเพื่อกำจัด หนอน+แมลง อัตราตามฉลาก (สารกลุ่ม 1,2,3,4,6,13, ไวท์ออยล์) เช่น 1+4, 2+13 วนไปนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 10 มกราคม 2568หนอนเจาะเมล็ด หนอนเจาะผลทุเรียนค่ะ แนะนำวิธีป้องกันกำจัด 1. ไม่ควรขนย้ายเมล็ดทุเรียนจากที่อื่นเข้ามาปลูก ถ้ามีความจำเป็นควรคัดเลือกเมล็ดอย่างระมัดระวัง หรือแช่เมล็ดด้วยสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช เช่น มาลาไทออน 83% EC อัตรา 40 มิลลิลิตร หรือคาร์บาริล 85% WP อัตรา 50 กรัม โดยเลือกสารชนิดใดชนิดหนึ่งผสมน้ำ 20 ลิตร 2. ห่อผลระยะยาวโดยใช้ถุงพลาสติกสีขาวขุ่นขนาด 40 x 75 เซนติเมตร เจาะก้นถุงเพื่อระบายน้ำ สามารถป้องกันไม่ให้ตัวเต็มวัยมาวางไข่ได้ โดยเริ่มห่อผลตั้งแต่ผลทุเรียนมีอายุ 6 สัปดาห์เป็นต้นไปจนถึงเก็บเกี่ยว 3. การป้องกันกำจัดด้วยวิธีผสมผสาน โดยพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ได้แก่ แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% CS อัตรา 20 มิลลิลิตร หรือคาร์บาริล 85% WP อัตรา 50 กรัม โดยเลือกสารชนิดใดชนิดหนึ่งผสมน้ำ 20 ลิตร พ่นห่างกันครั้งละ 1 สัปดาห์ เริ่มเมื่อผลอายุ 6 สัปดาห์ และห่อด้วยถุงพลาสติกขาวขุ่น ขนาด 40 x75 เซนติเมตร เจาะก้นถุงเพื่อระบายน้ำ เมื่อผลอายุ 10 สัปดาห์ 4. การใช้กับดักแสงไฟโดยใช้หลอด Black light เพื่อล่อตัวเต็มวัยหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนมาทำลาย 5. การป้องกันกำจัดโดยใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช เมื่อพบตัวเต็มวัยเริ่มระบาดให้ใช้สารคาร์บาริล 85% WP อัตรา 50 มิลลิลิตร หรือเดลทาเมทริน 3% EC อัตรา 15 มิลลิลิตร หรือแลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% CS อัตรา 20 มิลลิลิตร หรือเบตา-ไซฟลูทริน 2.5% EC อัตรา 20 มิลลิลิตร โดยเลือกสารชนิดใดชนิดหนึ่งผสมน้ำ 20 ลิตร ห่างกันครั้งละ 1 สัปดาห์
อ่านต่อ - อันนี้คืออาการอะไรหรอคะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 2 มกราคม 2568อาการคล้ายต้นผักสลัดได้รับแสงไม่เพียงพอในช่วงเพาะกล้า จนลำต้นยืดและอ่อนแอ และเริ่ม ๆ มีอาการใบจุดค่ะ
อ่านต่อ - อันนี้ใช่อาการใบจุดมั้ยคะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 2 มกราคม 2568น่าจะเริ่มๆ เป็นนะคะ แต่อย่างไรให้ลองสังเกตอาการเปรียบเทียบกับข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างนะคะ
อ่านต่อ - ต้นกรีนคอสอายุ14วัน ต้นและใบควรมีขนาดประมาณไหนคะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 24 ธันวาคม 2567ผักสลัดอายุ 14 วัน จะมีขนาดดังภาพประกอบค่ะ
อ่านต่อ - จากการค้นพบการเวก "ชนิดใหม่" ของโลก คำว่า "ชนิดใหม่" กับ "พันธุ์ใหม่" ต่างกันอย่างไรคะ ขอบพระคุณค่ะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2567คำว่า "ชนิดใหม่" และ "พันธุ์ใหม่" มีความแตกต่างกันในเชิงชีววิทยา 1. ชนิดใหม่ หมายถึง สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ (Species) ที่ไม่เคยถูกค้นพบหรือบรรยายลักษณะอย่างเป็นทางการมาก่อน เป็นการแบ่งกลุ่มตามระดับ "ชนิด" (Species) ซึ่งเป็นหน่วยย่อยในระบบการจำแนกสิ่งมีชีวิตตามลำดับอนุกรมวิธาน เช่น สกุล (Genus) และวงศ์ (Family) เช่น หากพบพืชหรือสัตว์ที่ไม่เคยมีการระบุ หรือจดทะเบียนในวงการวิทยาศาสตร์มาก่อน จะเรียกว่า "ชนิดใหม่ของโลก" 2. พันธุ์ใหม่ หมายถึง สายพันธุ์ (Variety หรือ Breed) ซึ่งมักใช้กับการพัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตในระดับย่อยลงไป มักใช้ในกรณีที่มนุษย์มีส่วนร่วมในการคัดเลือกพันธุกรรม เช่น การพัฒนาสายพันธุ์พืชหรือสัตว์ใหม่ ๆ เช่น การพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูง หรือการผสมพันธุ์สัตว์ให้ได้ลักษณะตามที่ต้องการ สรุป ชนิดใหม่ใช้กับการค้นพบสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ส่วนพันธุ์ใหม่ใช้กับการพัฒนา/คัดเลือกสายพันธุ์ที่มีอยู่เดิมให้ได้ลักษณะใหม่
อ่านต่อ - สอบถามเพิ่มเติมค่ะ กรณีเพาะกล้าผักสลัดที่ถามไปก่อนหน้า เราควรให้แสงจากหลอดไฟประมาณกี่ ชม.หรอคะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2567โดยปกติถ้าปลูกพืชในระบบปิดด้วยแสงประดิษฐ์จากหลอดไฟ จะให้แสงประมาณ 16 ชม./วัน แต่กรณีนี้เราให้แสงเพื่อทดแทนแสงธรรมชาติในสภาพแวดล้อมปกติ ให้ประมาณ 8 ชม./วัน หรือให้ในช่วงสภาพอากาศปิดที่ไม่มีแสงก็น่าจะพอค่ะ
อ่านต่อ - ช่วงนี้เพาะกรีนคอส เพาะมาวันนี้วันที่ 7 แล้ว แต่ไม่ค่อยมีแสงเลยค่ะ อยากทราบว่าแบบนี้คือลำต้นยืดเป็นปกติหรือเปล่าคะ ช่วงนี้ที่บ้านฝนตกชุกตลอดไม่ค่อยมีแสงเลยค่ะ สามารถทำอย่างไรได้บ้างคะนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2567ต้นกล้าผักเริ่มยืดแล้ว ลองค่อย ๆ นำถาดเพาะกล้าออกมารับแสงนะคะ ถ้าเป็นช่วงอากาศปิดที่ไม่มีแสงกรณีนี้อาจต้องให้แสงเพิ่มค่ะ อาจให้แสงประดิษฐ์จากหลอดไฟทดแทนได้ในช่วงเพาะกล้า
อ่านต่อ - อยากทราบว่าต้นอะไรครับ เป๋นไม้ยืนต้นมั้ยครับ ถ้าใช่รากทำลายโครงสร้างบ้านหรือเปล่าครับนักเอกสารสนเทศ สำนักหอสมุด มก.ตอบเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2567คล้ายต้นไทรใบยาว (Banyan Tree) ชื่อวิทยาศาสตร์ Ficus maclellandii King เป็นไม้ยืนต้น สูง 10-20 เมตร ใช้เป็นไม้สนาม ถ้าปลูกชิดบ้านรากค่อนข้างชอนไชนะคะ
อ่านต่อ
แสดง 1 - 20 จาก 1005
หน้า