ถาม-ตอบ
การขยายพันธุ์พืช
ถามเมื่อ 18 กันยายน 2562
ขออนุญาตสอบถามนะครับ หลักการควบเเน่นพืช ที่ให้พืชออกราก เเตกตาไว มีหลักการยังไงครับ ช่วยอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

ในเบื้องต้นขออธิบายกลไกการขยายพันธุ์แบบปักชำก่อนว่า ในการปักชำมักต้องทำในสภาพที่มีความชื้นสูงจึงจะได้ผลสำเร็จเป็นเปอร์เซ็นต์สูง ซึ่งกระบวนการเกิดรากในกิ่งปักชำนั้นประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนที่สำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของกลุ่มเซลล์ที่แก่แล้วมาเป็นเซลล์เยื่อเจริญ และเกิดกลุ่มเซลล์ที่ให้กำเนิดราก (Root initials) จากนั้นจึงมีการเปลี่ยนแปลงเป็น Root priordia ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ที่เจริญต่อจาก Root initials และยังคงมีการแบ่งเซลล์เกิดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีการเจริญเติบโตและแทงออกจากเนื้อเยื่อบริเวณโคนกิ่งออกมาเป็นรากใหม่ โดยมีท่อน้ำท่ออาหารติดกับท่อน้ำท่ออาหารในกิ่งชำด้วย ทั้งนี้ ความชื้น เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมที่ช่วยให้กิ่งชำออกราก (Environmental condition) ซึ่งการปักชำต้องใช้กิ่งที่มีใบติด เพราะใบมีส่วนสำคัญในการทำให้เกิดราก ในขณะเดียวกันใบก็ทำให้เกิดการคายน้ำ ทำให้กิ่งสูญเสียความชื้นจนอาจถึงแห้งตายได้ ก่อนที่จะมีรากมาดูดน้ำชดเชย ในกรณีนี้ต้องหาวิธีที่จะทำให้กิ่งและใบสูญเสียน้ำน้อยที่สุด และสดอยู่เสมอจนกระทั่งออกราก หลักการคือ ต้องทำให้ความดันไอน้ำในบรรยากาศรอบๆ พืชมีค่าใกล้เคียงกับความดันไอน้ำในช่องว่างระหว่างเซลล์พืช แต่เดิมการปักชำนิยมทำในเรือนเพาะชำ และใช้ถุงพลาสจิกคลุมความชื้น ปรากฏว่าปริมาณความชื้นภายในถุงอยู่ในเกณฑ์สูงมาก แต่นั่นก็ทำให้อุณหภูมิสูงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้อุณหภูมิก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เพราะหากอากาศร้อนจนเกินไปจะทำให้ตาเจริญขึ้นก่อนที่จะมีราก ทำให้กิ่งสูญเสียน้ำ หากอุณหภูมิของวัสดุปักชำสูงกว่าอุณหภูมิของบรรยากาศรอบๆ กิ่งปักชำยิ่งดีมาก เพราะจะส่งเสริมให้กิ่งปักชำออกรากได้ดีนั่นเอง ดังนั้นในการปักชำแบบควบแน่น ที่ทำให้ให้พืชออกรากและเเตกตาไว มีหลักการเพื่อควบคุมความชื้นและอุณหภูมิให้มีความเหมาะสม และส่งเสริมให้เกิดรากนั่นเองค่ะ ทั้งนี้การขยายพันธุ์พืชแบบควบแน่น โดยแนวคิดของ นายเฉลิม พีรี ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นวิธีที่ใช้ได้กับพืชผักและผลไม้หลากหลายชนิด สามารถทำได้ทีละมากๆ สามารถใช้ในการอนุรักษ์พันธุ์พืชได้ เป็นวิธีการที่สามารถลดเวลา ต้นทุน และการดูแลรักษา สามารถกำหนดปริมาณของผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดและการบริโภคได้อย่างแม่นยำ โดยมีขั้นตอนดังนี้ การขยายพันธุ์มะนาว - ยอดมะนาวหรือยอดพืชชนิดอื่นที่ต้องการ ความแก่อ่อน 40-60% - น้ำสะอาด - แก้วพลาสติค ขนาดบรรจุ 10 ออนซ์ - ถุงพลาสติคใสขนาด 6x11 นิ้ว - ยางเส้นเล็ก วิธี - เก็บดินจากบริเวณที่มีอินทรีวัตถุน้อย ทำดินให้ร่วนซุย - พรมน้ำคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วปั้นดู พอติดมือ (กำพอเป็นก้อน) - นำดินใส่ให้เต็มแก้วพลาสติค โดยแบ่งใส่ 3 ครั้ง แต่ละครั้งกดดินให้แน่น ระดับ 80% - ใช้ไม้แหลมหรือกรรไกรเสียบตรงกลางแก้วที่ใส่ดินให้ลึกไม่เกิน 3 ใน 4 ส่วนของแก้ว - ใช้กรรไกรคมๆ ตัดยอดมะนาวตามที่ต้องการ ตัดให้ยาวประมาณ 12–18 ซม. ข้อสำคัญอย่าให้แผลที่ตัดเปลือกฉีก เพราะจะทำให้จะออกรากไม่ดี - ใช้กรรไกรตัดหนามออกให้หมด ป้องกันหนามแทงถุง ถ้าอากาศเข้าจะออกรากยาก - นำยอดมะนาวเสียบลงในรูที่เสียบไว้ให้สุด - กดดินรอบกิ่งมะนาวให้แน่น อย่าให้หลวมเพราะจะออกรากยาก - นำถุงพลาสติกครอบแล้วรัดด้วยยางจำนวน 2 เส้น แล้วดึงก้นถุงให้ยางไปรัดอยู่ที่ขอบปากแก้ว - นำไปเก็บไว้ในที่ร่มรำไร หลังจากนั้น 25-20 วัน ให้ตรวจดูราก เมื่อพบรากให้ปล่อยจนรากมีสีน้ำตาลจึงค่อยกลับถุง ซึ่งการกลับถุงมีวิธีดังต่อไปนี้ 1. ให้นำถุงออกจากแก้ว ช่วงประมาณ 18.00 น. เพื่อป้องกันความร้อน 2. นำถุงออกแล้ว นำแก้วมะนาวที่ออกรากแล้วใส่กลับลงไปในถุง (เปิดปากถุงไว้ ไม่ต้องใช้ยางรัด) 3. ทิ้งไว้ในร่มรำไรประมาณ 5-7 วัน ค่อยนำแก้วออกจากถุง เพื่อให้มะนาวปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม 4. จากนั้นนำแก้วมะนาวออกจากถุง พักตัวไว้ในร่ม 7-10 วัน ค่อยนำไปเพาะในกระถาง หรือนำไปปลูก


คำถามแนะนำสำหรับคุณ

© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู