ถาม-ตอบ
ถามเมื่อ 18 สิงหาคม 2561
คืออยากถามว่า เคยขอไฟฟ้าไปนานแล้ว แต่เขายังไม่อนุมัติ ต้องรองบประมาณนี่ต้องรอนานไหมค่ะ

แนะนำให้ลองไปติดต่อ ยื่นคำขออีกครั้งค่ะ " ไฟเกษตรคือ การนำไฟฟ้ามาใช้ภายในสวนของเกษตรกรเพื่อทำการเกษตร เช่น ใช้กับเครื่องสูบน้ำ หลอดไฟ เป็นต้น " โดยมีหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการ 9 ข้อ ดังนี้ 1.ได้รับการรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ เพื่อยืนยันตัวตนว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่หวงห้ามใดๆ ของทางราชการ 2.ต้องมีเส้นทางสาธารณะที่รถยนต์สามารถวิ่งผ่านได้อย่างสะดวก 3.สามารถดำเนินการก่อสร้างระบบจำหน่ายโดยวิธีปักเสาพาดสายไฟเข้าไปถึงจุดที่ขอใช้ไฟฟ้าได้ 4.ได้รับการรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ เพื่อยืนยันขนาดพื้นที่และชนิดของกิจกรรมการผลิตทางการเกษตรที่ต้องการใช้ไฟฟ้า 5.ต้องระบุแหล่งน้ำที่จะใช้เพื่อการผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ที่ขอใช้ไฟฟ้า เช่น คลองสาธารณะ คลองชลประทาน แหล่งน้ำใต้ดินในลักษณะต่างๆ 6.ต้องมีเอกสาร/หลักฐานสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายของพื้นที่ทำการเกษตร แต่ต้องไม่ใช่ที่ดินที่ถือครองโดยเอกชนรายใหญ่ 7.เป็นเกษตรกรรายย่อยที่ขอติดตั้งมิเตอร์ ขนาดไม่เกิน 15(45) แอมป์ ต่อ 1 ราย 8.ต้องสามารถออกใบแจ้งหนี้ค่ากระแสไฟฟ้ามิเตอร์เครื่องที่ 2(ใหม่) โดยจะแจ้งเก็บเงินไปที่มิเตอร์เครื่องที่ 1(เก่า) ทั้งสองมิเตอร์ต้องอยู่ในเขตพื้นที่ของการไฟฟ้าเดียวกัน 9.ค่าใช้จ่ายในการขยายเขตต่อราย เฉลี่ยไม่เกิน 50,000 บาท (PEA. รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการขยายเขต) ข้อมูลอ้างอิงจาก : การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เอกสารที่ต้องเตรียม 1. ใบรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ 2. สำเนาทะเบียนบ้าน 3. สำเนาโฉนดที่ดิน 4. สำเนาบัตรประชาชน ค่าธรรมเนียมในการยื่นขอมิเตอร์ไฟฟ้า 5(15) แอมป์ ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท 15(45) แอมป์ 1 เฟส ค่าธรรมเนียม 6,450 บาท 15(45) แอมป์ 3 เฟส ค่าธรรมเนียม 21,350 บาท วิธีการขอไฟฟ้าลงพื้นที่เกษตร (โดยมี 3 ขั้นตอนดังนี้) 1.ขอบ้านเลขที่ การขอไฟฟ้ามาลงที่บ้านของเราที่อยู่ในไร่นั้น จำเป็นที่จะต้องมีบ้านเลขที่ในการติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า ในการขอบ้านเลขที่นั้น ถ้าเป็นพื้นที่ห่างไกลหมู่บ้าน เราจำเป็นที่จะต้องสร้างเพิงพักหรือทำเป็นบ้านถาวรเลยก็ได้ และสิ่งต่อไปที่จะต้องสร้างควบคู่กันกับบ้านนั้นก็คือ ห้องน้ำ เพราะการมีห้องน้ำจะเปรียบเสมือนว่าเราจะมาอยู่ถาวร (ถึงแม้ว่ายังไม่ได้อยู่ถาวรตอนนี้เลยก็ตาม) ฉะนั้นห้องน้ำจึงมีความจำเป็นมากสำหรับใช้ประกอบหลักฐานในการขอบ้านเลขที่ หลังจากที่มีบ้านพัก เพิงที่พัก เราจะต้องถ่ายรูปที่พักและห้องน้ำไปให้อนามัยในพื้นที่มาตรวจพร้อมกับเซ็นต์เอกสารรับรองการเป็นอยู่ที่ถูกสุขลักษณะ จากนั้นก็นำหนังสือไปยื่นกับผู้ใหญ่บ้านหรือผู้รับผิดชอบในการขอบ้านเลขที่ต่อไป จากนั้นให้นำหนังสือรับรองจากผู้ใหญ่บ้านไปยื่นต่อที่อำเภอ เพื่อลงทะเบียนขอสำเนาทะเบียนบ้าน ตอนนี้เราก็จะมีสำเนาทะเบียนบ้านพร้อมบ้านเลขที่เรียบร้อยแล้ว ข้อควรรู้ ! ในการขอไฟเกษตรต้องดูแนวโน้มในพื้นที่ด้วยว่าจะมีไฟฟ้าเข้ามาด้วยหรือไม่ และต้องมีบ้านอยู่ในโซนเดียวกันตั้งแต่ 3 หลังขึ้นไป เพื่อขอไฟฟ้า ย้ำอีกครั้ง ว่า 3 หลังขึ้นไปถึงจะมีน้ำหนักในการขอไฟฟ้าเข้าในพื้นที่ห่างไกลชุมชน แต่ถ้าในพื้นที่มีบ้านหลังเดียวก็สามารถขอไฟฟ้าพิเศษได้ แต่ค่าไฟจะสูงกว่าปกติ 2.ยื่นเรื่องกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น นำเรื่องไปยื่นกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ของแต่ละท่าน อาจเป็น อบต. หรือเทศบาลก็แล้วแต่ว่าพื้นที่ของเราอยู่ในเขตไหน เจ้าหน้าที่ก็จะให้กรอกเอกสารเพื่อรับรองโดยแนบสำเนาทะเบียนบ้านของเราและเพื่อนบ้านไปพร้อมกัน 3.ยื่นเรื่องที่การไฟฟ้าในอำเภอของตนเอง หลังจากที่ยื่นเรื่องที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว ก็นำเอกสารไปยื่นไว้ที่การไฟฟ้าในอำเภอของเรา แล้วกรอกเอกสารให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นการยื่นเรื่องไว้รอ และอย่าลืมถามความเป็นไปได้ในการที่จะได้ไฟฟ้าเข้าในพื้นที่ด้วย แนะนำให้รวมกลุ่มกันมากๆ 3 หลัง 5 หลังหรือมากกว่า จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น


คำถามแนะนำสำหรับคุณ

© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู