ข่าวสาร
E70 การค้า/การตลาด
24 มีนาคม 2568
ธุรกิจขายต้นไม้ โอกาสทองสู่รายได้มหาศาล เกษตรกรไทยก้าวสู่ Farmer business

ปัจจุบันธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้นกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดเผยว่า ธุรกิจในกลุ่มนี้สร้างรายได้กว่า 91,501 ล้านบาทในปี 2566 โดยเฉพาะกลุ่มจำหน่ายที่สามารถทำกำไรกว่า 2,473 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มผลิตยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารต้นทุน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐที่ผลักดันเกษตรกรให้ก้าวสู่ระบบ Farmer business และ Smart farming

ศักยภาพของธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้นในไทย

ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านสภาพภูมิอากาศและทรัพยากรธรรมชาติที่เอื้อต่อการเพาะปลูก ประกอบกับคนไทยมีทักษะการเกษตรเป็นพื้นฐาน จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประเทศไทยมีเกษตรกรกว่า 8.6 ล้านราย บนพื้นที่เพาะปลูก 141 ล้านไร่ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่เพาะปลูกไม้ดอกไม้ประดับมีจำนวนกว่า 202,801 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 700,000 ไร่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาตลาดและสร้างรายได้ในระยะยาว

โครงสร้างของธุรกิจและผลประกอบการ

ธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

  1. กลุ่มผลิต การทำสวนไม้ประดับ เพาะพันธุ์พืช ปลูกกล้วยไม้ และไม้ดอกอื่นๆ
  2. กลุ่มจำหน่าย ขายส่ง/ขายปลีกดอกไม้ ต้นไม้ เมล็ดพันธุ์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

ในปี 2566 กลุ่มจำหน่ายสร้างรายได้สูงถึง 87,376 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มผลิตมีรายได้ 4,125 ล้านบาท แม้ว่ากลุ่มผลิตจะประสบภาวะขาดทุน แต่กลุ่มจำหน่ายกลับเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กำไรของกลุ่มจำหน่ายเพิ่มขึ้นจาก 1,842 ล้านบาท (2564) เป็น 2,473 ล้านบาท (2566)

การส่งออกและการลงทุนจากต่างชาติ

ธุรกิจนี้ยังมีศักยภาพด้านการส่งออก โดยในปี 2566-2567 การส่งออกไม้ดอก ไม้ประดับ และพันธุ์ไม้มีมูลค่ารวมกว่า 9,325 ล้านบาท โดยสินค้าหลักคือกล้วยไม้ไทยที่ครองอันดับ 1 ของโลก มีมูลค่าการส่งออกถึง 5,434 ล้านบาท ตลาดหลักได้แก่ จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนจากต่างชาติในธุรกิจนี้รวมมูลค่า 4,461 ล้านบาท โดยกลุ่มประเทศที่ลงทุนมากที่สุด ได้แก่

  • จีน (1,742 ล้านบาท)
  • สิงคโปร์ (449 ล้านบาท)
  • เนเธอร์แลนด์ (327 ล้านบาท)

โอกาสทางธุรกิจและการพัฒนาสู่ Smart farming

เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เกษตรกรไทยควรใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มมาตรฐานสินค้า เช่น

  • การใช้ระบบพยากรณ์อากาศเพื่อบริหารจัดการการปลูก
  • การพัฒนาเทคนิคการปลูกพืชที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
  • การใช้ระบบ IoT และ AI ในการควบคุมคุณภาพการเพาะปลูก

โอกาสใหม่ ต่อยอดเงินทุนด้วยต้นไม้ยืนต้น

นอกจากการขายพืชและต้นไม้ เกษตรกรสามารถเพิ่มรายได้ผ่านการปลูกต้นไม้เพื่อขายคาร์บอนเครดิต รวมถึงนำไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจเพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เป็นแนวทางที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถขยายตลาดได้อย่างมีศักยภาพ

 

ธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้นเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญสำหรับเกษตรกรไทยที่ต้องการสร้างรายได้และขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก ด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้และต่อยอดด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เกษตรกรสามารถเปลี่ยนจากการทำเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่ Farmer Business ที่มั่นคงและยั่งยืนได้ในอนาคต

 


© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู