กรมพัฒนาที่ดิน เดินหน้าไม่หยุด ผลิตน้ำหมักจากปลาหมอคางดำ นำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทำการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามอย่างต่อเนื่อง ปกป้องสัตว์น้ำเศรษฐกิจพื้นถิ่น และรักษาระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติ
ดร.อาทิตย์ ศุขเกษม รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน และโฆษกกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า ปัญหาการรุกรานของปลาหมอคางดำเป็นปัญหาที่สำคัญ กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม ป้องกัน และกำจัดประชากรปลาหมอคางดำทั้งระยะสั้นและระยะยาว ด้วยการควบคุมจำนวนปลาหมอคางดำในพื้นที่ที่พบมีการรุกรานแล้ว และป้องกันไม่ให้ปลาหมอคางดำไปรุกรานในพื้นที่อื่น
กรมพัฒนาที่ดิน โดยสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 10 สถานีพัฒนาที่ดินสมุทรสาคร สถานีพัฒนาที่ดินสมุทรสงคราม และสถานีพัฒนาที่ดินเพชรบุรี ได้จัดการรณรงค์การทำน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูง (สูตรไนโตรเจนสูง) โดยนำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สารเร่งจุลินทรีย์มาใช้ประโยชน์ในการร่วมแก้ไขปัญหา โดยการนำปลาหมอคางดำที่มีจำนวนมากมาเป็นวัสดุสำคัญ เพื่อใช้ผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพผสมกับผลิตภัณฑ์สารเร่งซุปเปอร์ พด.2 ซึ่งน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำมีธาตุอาหารที่สำคัญ กรดอินทรีย์ และฮอร์โมนต่าง ๆ ที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช โดยวิธีการใช้เพียงแค่นำน้ำหมักชีวภาพจากปลา 1 ลิตร ผสมกับน้ำ 100-150 ลิตร พ่นกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้เกษตรกรได้
โฆษกกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมพัฒนาที่ดินได้มีการติดตามและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและกำจัดปลาหมอคางดำอย่างเอาจริงเอาจังและต่อเนื่อง โดยกองเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน ได้ผลิตน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูงจากปลาหมอคางดำจำนวน 300 กิโลกรัม ซึ่งสามารถผลิตน้ำหมักได้ 5 ถัง (ถังจำนวน 200 ลิตร ประกอบด้วย น้ำ 80 ลิตร สับปะรด 20 กิโลกรัม ปลา 60 กิโลกรัม กากน้ำตาล 20 กิโลกรัม และสารเร่งซุปเปอร์ พด.2 จำนวน 2 ซอง) โดยรับปลามาจากสำนักงานประมงสมุทรสาคร เพื่อให้เกษตรกรนำน้ำหมักไปใช้ประโยชน์ ช่วยในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่และกระทรวงเกษตรฯ เพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหาและลดจำนวนปลาหมอคางดำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เกษตรกรสามารถขอรับนำหมัก ได้ที่ สถานีพัฒนาที่ดินสมุทรสงครามและสมุทรสาคร