คุณมุก-ณัชคิรากร ดำชมทรัพย์ รู้จักกล้วยน้ำว้าพันธุ์ปากช่อง 50 ด้วยความบังเอิญ ช่วงนั้นเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำสวนกล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 ในพื้นที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี แต่ขายหน่อไม่ได้ จึงฝากให้คุณมุกช่วยขายหน่อให้ คุณมุกช่วยขายหน่อพันธุ์กล้วยปากช่อง 50 ของสวนดังกล่าวในราคาหน่อละ 35 บาท และรับหน่อพันธุ์กล้วยหอมทองและกล้วยไข่มาขายควบคู่กันไป ปรากฏว่าช่วง 1 ปีที่ขายหน่อพันธุ์กล้วยสร้างผลกำไรที่ดี ทำให้เธอสนใจที่จะปลูกกล้วยเพื่อขายหน่อพันธุ์บ้าง เธอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “กล้วยน้ำว้า พันธุ์ปากช่อง 50” เริ่มเป็นที่รู้จักของตลาดอย่างแพร่หลาย ช่วงประมาณ ปี 2551 กล้วยพันธุ์นี้เป็นผลงานวิจัยของ อาจารย์กัลยาณี สุวิทวัส และคณะ สถานีวิจัยปากช่อง สถาบันอินทรีจันทรสถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
กล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 ตอบโจทย์ความต้องการตลาดได้อย่างดีเยี่ยม เพราะมีเครือขนาดใหญ่ น้ำหนักเครือมากกว่า 30 กิโลกรัม จำนวนหวีมากกว่า 10 หวี จำนวนผลต่อหวี ประมาณ 18 ผล ผลกล้วยใหญ่อ้วนดี น้ำหนักผลโดยเฉลี่ยประมาณ 140 กรัม ต่อผล ไส้กลางไม่แข็ง ออกสีเหลือง เนื้อแน่น ผลสุกมีความหวาน 26 องศาบริกซ์ หากปลูกดูแลดี เกษตรกรจะมีผลกำไรจากการขายกล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 ประมาณ 10,000-12,000 บาทต่อไร่
คุณมุกตัดสินใจปลูกกล้วยเพื่อกระจายความเสี่ยงในการตลาด เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ปลูกกล้วยน้ำว้าพันธุ์ปากช่อง 50 บนเนื้อที่ 30 ไร่ ปรากฏว่ากล้วยพันธุ์นี้ปลูกง่าย ตลาดตอบรับดีมาก จึงมองหาทำเลใหม่เพื่อขยายพื้นที่ปลูกกล้วยน้ำว้าพันธุ์ปากช่อง 50 ในอนาคต เธอเล่าว่า ปลูกกล้วย 1 ต้น จะได้กล้วย 1 เครือ กล้วยเป็นพืชที่มีอายุสั้น ปลูกดูแลง่าย อย่างไรก็ได้กินกล้วยแน่นอน เมื่อคุณมุกเริ่มศึกษาเรื่องกล้วยมากขึ้น จึงรู้ว่า กล้วยน้ำว้า 1 ผล ให้พลังงานถึง 100 แคลอรี อุดมด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุกโทส และกลูโคส มีเส้นใยกากอาหาร ในบรรดากล้วยทั้งหมด กล้วยน้ำว้า มีปริมาณแคลเซียมสูงสุด ยิ่งนำกล้วยน้ำว้าไปปิ้งหรือย่าง ปริมาณแคลเซียมจะยิ่งออกมาเยอะ คนไทยมีทางเลือกในการบริโภคมากขึ้น แทนที่จะกินนมวัวก็หันมากินกล้วยก็ได้แคลเซียมเช่นกัน
นอกจากนี้ การบริโภคกล้วยยังได้คุณค่าอาหารประเภทโพแทสเซียมสูงและมีโซเดียม (เกลือ) ต่ำ จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคความดันเลือดสูงและหลอดเลือดแตกได้ ขณะนี้โรคฮิตของคนไทยคือ โรคกรดไหลย้อน หากกินกล้วยมื้อละ 1-2 ผล ประมาณ 1 เดือน ก็หายขาดจากโรคกรดไหลย้อนได้ แถมกล้วยยังมีวิตามินบี 6 ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย หากบดกล้วยน้ำว้าให้เด็กทารกอายุ 4 เดือนขึ้นไปกิน โปรตีนที่อยู่ในกล้วย คือ กรดอะมิโนอาร์จินินและฮีสติดิน จะช่วยในการเจริญเติบโตของทารก ในระยะหลังคนไทยเริ่มหันมาตระหนักถึงคุณประโยชน์ของกล้วย ว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทั้งด้านอาหารและยา ยิ่งทำให้กล้วยขายดี เป็นที่ต้องการของตลาดในวงกว้าง
เคล็ดลับการปลูกกล้วยให้ได้ผลผลิตดี อันดับแรกต้องเริ่มจากปรับสภาพพื้นที่ปลูกให้มีความเหมาะสมเสียก่อน สำหรับสวนกล้วยของคุณมุกในอดีตเคยเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลามาก่อน เธอจึงปรับสภาพพื้นที่ใหม่เป็นแปลงยกร่อง ขนาดความกว้าง 4 เมตร แม้จะปลูกต้นกล้วยได้ปริมาณน้อย แต่ช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วมได้ดี หลังจากเตรียมแปลงปลูกเสร็จ หว่านปูนขาวเพื่อปรับสภาพความเป็นกรดด่างของดิน หลังจากนั้นจึงค่อยนำหน่อพันธุ์กล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 มาปลูก ในระยะห่าง 2×4 เมตร หากใครต้องการปลูกกล้วยน้ำว้ายักษ์ แนะนำให้ปลูกในระยะห่าง 3×4 เมตร หากใครอยากได้กล้วยหวีใหญ่ๆ ควรกำหนดระยะห่างระหว่างต้นให้มากสักหน่อย
กล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 ปลูกดูแลรักษาง่าย ระวังอย่าให้ต้นกล้วยขาดน้ำ เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของต้นกล้วย เธอใช้ปุ๋ยหมักบำรุงต้นกล้วยเพื่อประหยัดต้นทุน หลังปลูกจะใส่ปุ๋ยหมักโบกาฉิ ที่ทำจากปุ๋ยขี้ไก่เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อกระตุ้นให้ต้นกล้วยเกิดการเจริญเติบโตทางด้านลำต้น โรยรอบทรงพุ่ม ต้นละ 2 กิโลกรัม พอเข้าเดือนที่ 4-5 เป็นต้นไปให้เปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยหมักจากขี้หมูและขี้แดดนาเกลือ เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ต้นกล้วยได้รับธาตุอาหารประเภทฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ทั้งนี้ต้นกล้วยจะให้ผลผลิตเร็วหรือช้าก็ขึ้นกับสภาพภาวะอากาศและการดูแลเป็นสำคัญ สำหรับสวนกล้วยของคุณมุก เมื่อปลูกได้เดือนที่ 7-8 ต้นกล้วยจะเริ่มแทงปลีออกมา รอไปอีก 3-4 เดือน ก็สามารถเก็บผลผลิตออกขายได้แล้ว
คุณมุกแนะนำว่า ระหว่างที่ปลูกกล้วยในช่วงเดือนที่ 1-8 เกษตรกรควรมองหาตลาดรับซื้อผลผลิตไว้ล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงทางการตลาด ผลผลิตกล้วยรุ่นแรกที่เก็บขายประมาณ 4-5 ตะกร้า คุณมุกนำไปฝากขายหน้าร้านขายอาหารสัตว์ในท้องถิ่น ออกจากร้านไม่ถึง 15 นาที เจ้าของร้านโทรศัพท์มาบอกว่า กล้วยขายหมดแล้วเพราะกล้วยสวย แม่ค้าเหมาซื้อทั้งหมดในราคาหวีละ 25 บาท สร้างความภูมิใจเพราะเป็นผลผลิตรุ่นแรกที่นำออกขาย
ทุกวันนี้เน้นขายกล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 ให้แม่ค้าแผงในตลาดสด และแม่ค้ากล้วยทอด โดยอาศัยวิธีแนะนำตัวและแจกนามบัตรให้แม่ค้ารู้จัก ว่าสวนของเธอปลูกกล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 หากแม่ค้าต้องการผลผลิตช่วงไหน โทร.สั่งซื้อได้ มีสินค้าส่งถึงมือตลอด อาศัยเทคนิคการขายลักษณะนี้ทำให้เธอมีฐานลูกค้ากระจายอยู่ในตลาดท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก
สิ่งสำคัญในการทำการเกษตรคือก่อนตัดสินใจปลูก ควรศึกษาแหล่งที่รับซื้อด้วยว่าตลาดต้องการกล้วยพันธุ์ไหน หากตลาดต้องการซื้อกล้วยเพื่อนำไปแปรรูปในลักษณะกล้วยตาก ควรปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง หากตลาดต้องการซื้อเพื่อทำกล้วยทอด กล้วยฉาบ ควรปลูกกล้วยพันธุ์ปากช่อง 50 เพราะเป็นพันธุ์กล้วยที่ให้ผลผลิตสูง สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี กล้วยพันธุ์ปากช่อง 50 ที่ปลูกรุ่นแรกจะมีขนาดผลใหญ่เท่าขวดเครื่องดื่มชูกำลัง กล้วย 1 ผลจะผ่าได้ 4 ชิ้น เมื่อนำไปทำกล้วยทอด แม่ค้าจะชอบมากเพราะขายแล้วได้กำไรงาม
การปลูกกล้วยของแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน คุณมุกมีโอกาสสำรวจพื้นที่การทำเกษตรในรัศมี 30 กิโลเมตรรอบจังหวัดอุบลราชธานี พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตนาข้าวที่มีศักยภาพในการปลูกกล้วยน้ำว้าได้มากมายมหาศาล เพียงแค่ปลูกกล้วยน้ำว้าบนคันนาสัก 1-2 กอต่อครัวเรือน ก็จะมีกล้วยสำหรับบริโภคในครัวเรือนและส่งขายตลาด หากใครมีผืนนา 30 ไร่ ปลูกกล้วยล้อมรอบคันนา ก็มีโอกาสสร้างรายได้ก้อนโต จากการขายหน่อกล้วย ขายผลกล้วย ป้อนเข้าตลาดสด หรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป