สาร 2,4-D นี้มีชื่อเต็มว่า 2,4-Dichlorophenoxyacetic acid จัดเป็น Auxins ชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับ IBA (Indole group ซึ่งโครงสร้างมี Indole ring) และ NAA (Naphthoxy group ซึ่งโครงสร้างมี Naphthyl ring) ส่วน 2,4-D อยู่ใน Phenoxy group ที่มี Phenyl ring อยู่ในโครงสร้างในระดับความเข้มข้นต่ำ ๆ สารนี้ก็มีคุณสมบัติในการส่งเสริมการเจริญเติบโตในพืช แต่มีช่วงของการใช้ที่แคบมาก แม้สูงจากระดับที่เหมาะสมเพียงไม่มากนักก็แสดงอาการเป็นพิษออกมา ซึ่งปกติจะไม่แนะนำให้ใช้สารนี้ในรูปของฮอร์โมนพืชเพราะเสี่ยงต่อผลลบที่จะเกิดขึ้นได้มาก ดังนั้น สาร 2,4-D นี้ในระดับความเข้มข้นที่สูงขึ้นมาจึงมีฤทธิ์เป็นสารกำจัดวัชพืช กลุ่มพืชที่อ่อนไหวคือ พืชใบเลี้ยงคู่ (Dicots) หรือมักเรียกกันว่าพืชใบกว้าง แต่ไม่มีผลต่อพืชใบแคบหรือพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (Monocots) เช่น หญ้า ข้าว (ยกเว้นพืชในวงศ์ Cyperaceae เช่น กกนา กกธูปฤาษี แห้วหมู เป็นต้น)

ดังนั้น สาร 2,4-D นี้จึงใช้เป็นสารหลักในการกำจัดวัชพืชในนาข้าว ไม่ใช้ในสวนไม้ผล พืชหลายชนิดจะอ่อนไหวต่อ 2,4- D อย่างมาก เช่น มะละกอ เสาวรส พืชตระกูลแตงต่าง ๆ อาการที่แสดงออกคล้ายผลที่เกิดจากโรคไวรัส ผลกระทบที่เกิดกับต้นทุเรียน จะแสดงอาการใบบิดเป็นเกลียว ซึ่งแสดงอาการเดียวกับผลที่เกิดจากการใช้ยาขั้วเหนียว คือ NAA

แนวทางการแก้ไข หากต้นใดที่ได้รับละอองยาไม่มากนัก ยอดใหม่ที่เกิดขึ้นตามมาอาจคืนสู่สภาพปกติได้ แต่หากได้รับในปริมาณมากการฟื้นคืนอาจใช้เวลานานกว่าที่สารนี้จะหมดฤทธิ์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมากกว่า 6 เดือน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในปีนี้ มีสิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวสวนผู้ปลูกทุเรียนมาแล้วหลายเหตุการณ์ เช่น ในเรื่องความเป็นพิษของโบรอน การใช้ยาขั้วเหนียว หรือการใช้สารกำจัดวัชพืช Glufosinate จึงเป็นสิ่งที่ต้องขอย้ำเตือนว่า ก่อนตัดสินใจใช้สารอะไรก็ตาม ควรจะต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีเสียก่อน เพราะหากใช้ไปแล้ว เช่น กรณีโบรอน หรือกรณีนี้ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะเอากลับคืนมาได้

*อ้างอิงข้อมูลจาก Facebook : Ravie Sethpakdee ของ รศ.ดร.รวี เสรฐภักดี
"108 คำถามกับคำถามร้อยแปด" คำถามที่ 19 ของชุดที่ II (II - 19/108) : "ว่าด้วยเรื่องของสารกำจัดวัชพืชที่ชื่อว่า 2,4-D ที่มีต่อต้นทุเรียน"