ข่าวสาร
H10 ศัตรูพืช
22 เมษายน 2564
เมล็ดสะเดา สารกำจัดหนอน ของฟรีจากธรรมชาติ

สารอินทรีย์ในเมล็ดสะเดาชื่อ...สารอะซาไดแรคติน มีคุณสมบัติป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยจะออกฤทธิ์ในการฆ่าแมลง ไล่แมลง และยับยั้งการเจริญเติบโตแมลง โดยเฉพาะหนอนกินใบพืช เพราะเมื่อหนอนได้รับสารอะซาไดแรคติน จะยับยั้งการลอกคราบ ยับยั้งการสร้างไข่

หลักการทำงานของสารอะซาไดแรคติน สารอะซาไดแรคตินออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบต่อมไร้ท่อ หรือระบบฮอร์โมนของหนอนแมลง จะยับยั้งการกินอาหารของแมลง ทำให้แมลงศัตรูพืชกินอะไรไม่ได้ กินไม่ลง ในที่สุดก็จะอดตาย

อาจเป็นรูปภาพของ อาหาร

เมื่อเป็นของฟรี แล้วทำไมเกษตรกรจึงไม่นิยมใช้ เหตุผลง่าย ๆ คือ
1. ไม่ยอมทำเอง เก็บเอง มักซื้อมาใช้แต่ไม่ได้ผล สารสกัดจากเมล็ดสะเดา (ตามฉลาก) เกิดจากกระบวนการหมัก สารในสะเดาจึงออกมาน้อย ความเข้มข้นไม่พอ การกำจัดจึงไม่ได้ผล
2. ใช้ไม่ถูกระยะเวลา สารอะซาไดแรคตินจะได้ผลดีในระยะเป็นหนอนวัยอ่อนไม่ใช่ระยะที่เป็นตัวแก่ การฉีดสารพวกชีวภาพทั้งหลายต้องฉีดพ่นในช่วงเย็น แต่มักเป็นช่วงพบประสังสรรค์ของเกษตรกรยามเย็นท่ามกลางกับแกล้มกลางวง
3. สารอะซาไดแรกติน มีมากสุดในเมล็ด แต่การหมักโดยทั่วไป มักจะนำใบมาหมักเป็นหลัก เมล็ดปริมาณน้อย ทำให้สารหมักที่ได้มีปริมาณสารน้อยมากจึงมีสรรพคุณน้อยตามไปด้วย ดังนั้นการเก็บเมล็ดมาสกัดสารออกฤทธิ์ วิธีใช้ และการเก็บรักษาที่ถูกต้องควรทำดังนี้
1. เก็บเมล็ดสะเดาตามโคนต้นนำมาตากแดดจนแห้ง
2. แกะเปลือกหุ้มเมล็ดออก คัดเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อในเมล็ดที่เป็นสีเขียว
3. การทำสารสกัดเมล็ดสะเดา จะทำได้ 2 แบบ
3.1 สกัดด้วยน้ำ ใช้เมล็ดสะเดาที่แกะเปลือกหุ้มเมล็ดออก 0.5 กก.ต่อน้ำอุ่น 3 ลิตร นำไปปั่นจะละเอียดหมักไว้ 1 คืน กรองเอาแต่น้ำ อัตราการใช้ 2-3 ช้อนแกงต่อน้ำ 20 ลิตร ควารผสมน้ำยาจับใบเพิ่มลงไปอีก 1 ช้อนแกง
3.2 สกัดด้วยแอลกอฮอร์ ใช้เมล็ดสะเดาที่แกะเปลือกหุ้มเมล็ดออก 0.5 กก ตำให้ละเอียด ใส่ลงไปในภาชนะเทแอลกอฮอร์ลงไปจนท่วมเมล็ดทิ้งไว้ 1 คืน ก็จะได้สารสกัดจากเมล็ดสะเดา อัตราการใช้ 2-3 ช้อนแกงต่อน้ำ 20 ลิตร ควารผสมน้ำยาจับใบเพิ่มลงไปอีก 1 ช้อนแกง
4. การเก็บรักษาสารสกัดเมล็ดสะเดาควรใส่และบรรจุในภาชนะสีชาหรือทึบแสง เก็บในตู้เย็นหรือภายนอกก็ได้

***นอกจากแนวทางการสกัดสารสะเดาเบื้องต้นแล้ว สำหรับผู้ที่สนใจการใช้สมุนไพรเพื่อการเกษตร สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ได้จาก https://ebook.lib.ku.ac.th/item/2/2011-005-0054 หรือสแกนคิวอาร์โค้ดได้จากภาพด้านล่าง

อาจเป็นรูปภาพของ ข้อความ


แหล่งที่มา

เพจ Cha Tisol
www.kruchatri.com
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู