ข่าวสาร
12 พฤศจิกายน 2563
บจธ. จับมือ ประกันสังคม ช่วยเหลือคนว่างงานจากโควิด 19 มีที่ดินทำเกษตร

จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้แรงงานได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก มีแรงงานในระบบประกันสังคม และแรงงานนอกระบบที่ถูกเลิกจ้างประมาณ 1.3 ล้านคน แรงงานส่วนใหญ่จะกลับภูมิลำเนาเดิมไม่มีอาชีพรองรับ การประกอบอาชีพเกษตรกรรมจึงเป็นอาชีพที่สามารถสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในชีวิตได้

สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (บจธ.) และสำนักงานประกันสังคม ร่วมกันบูรณาการทำงานลงนามในบันทึกความร่วมมือเพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานที่ประสบปัญหาการว่างงานจากสถานการณ์โควิด-19 แก้ไขปัญหาผู้ประกันตนและผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมที่ประสบปัญหาว่างงานให้มีที่ดินเพื่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยสำนักงานประกันสังคมจะมีบทบาทในการสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกันตน และผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมที่ประสบปัญหาการว่างงานจากสถานการณ์โควิด-19 เข้ารับความช่วยเหลือตามภารกิจของ บจธ. ผ่านช่องทางสื่อสารออนไลน์ เช่น เว็บไซต์/ไลน์ และสำนักงานประกันสังคมทุกพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ส่วน บจธ. จะเป็นผู้จัดหา จัดสรร และพัฒนาที่ดิน รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อเพื่อแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดิน และด้านเงินทุนประกอบอาชีพเกษตรกรรมให้ผู้ประกันตนที่ว่างงานจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ขอเข้าร่วมโครงการและมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ของ บจธ. ภายในงบประมาณที่ บจธ. ได้รับการสนับสนุน นอกจากนี้ บจธ. จะจัดอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุนการผลิตและการตลาด เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ความร่วมมือตามบันทึกความร่วมมือมีระยะเวลา 2 ปี

บจธ. กำหนดหลักเกณฑ์ให้ความช่วยเหลือ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง แต่ขาดแคลนเงินทุนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม บจธ. จะให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรม
2. มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง แต่มีปัญหาจะสูญเสียสิทธิในที่ดิน หรือสูญเสียสิทธิในที่ดินไปแล้ว จากการจำนอง การขายฝาก หรือการถูกบังคับคดี แยกเป็น 2 กรณี คือ 1) ที่ดินยังไม่หลุดมือ ช่วยเหลือโดยการให้สินเชื่อเพื่อคงสิทธิในที่ดิน 2) ที่ดินหลุดมือแล้ว ช่วยเหลือโดยการจัดซื้อที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของ บจธ. แล้วให้ผู้ขอรับความช่วยเหลือเช่าซื้อ
3. ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง หรือมีแต่ไม่เพียงพอ บจธ. จะเข้าให้ความช่วยเหลือโดยการประสานกับกรมธนารักษ์ นำที่ราชพัสดุที่มีความเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมในพื้นที่จังหวัดต่างๆ มาดำเนินการพัฒนาปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและจัดสรรให้กับผู้ขอรับความช่วยเหลือเข้าทำประโยชน์โดยการเช่าช่วงจาก บจธ. (อัตราค่าเช่าตามที่ บจธ. กำหนด) รายละไม่เกิน 3 ไร่ เมื่อเข้าทำกินในที่ดินดังกล่าวไม่น้อยกว่า 3 ปี และมีความประสงค์ที่จะมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกินในที่ดินใกล้กับถิ่นพำนักของตนเอง ก็สามารถที่จะยื่นคำขอให้ บจธ. จัดซื้อที่ดินเพื่อนำมาให้เช่าซื้อต่อไปได้

 

 

 

 


แหล่งที่มา

© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู