ข่าวสาร
Q02 การแปรรูปอาหาร
10 มิถุนายน 2563
ฟิล์มแคร์รอต นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์กินได้ ลดปัญหาขยะพลาสติก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

กรมวิชาการเกษตรนำเสนอ นวัตกรรมฟิล์มห่ออาหารรับประทานได้ วิจัยพบแคร์รอตมีคุณสมบัติครบ ตอบโจทย์บรรจุภัณฑ์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตเป็นฟิล์มห่อลูกอมและผลไม้กวน ประโยชน์หลายเด้ง ทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตผลทางการเกษตร ลดปัญหาขยะพลาสติก พร้อมตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ มีสารเบต้าแคโรทีนสูงกว่า 3,000 ไมโครกรัมต่อแผ่น


นางสาวเสริมสุข  สลักเพ็ชร์  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ห่อหุ้มอาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญต่อคุณภาพและอายุการเก็บรักษาอาหาร โดยจะช่วยปกป้องไม่ให้อาหารปนเปื้อน ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร  และป้องกันการเสื่อมเสียจากจุลินทรีย์และเคมี   อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจส่วนแบ่งตลาดของวัสดุที่นำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ห่อหุ้มอาหาร พบว่าส่วนใหญ่เป็นพลาสติกสังเคราะห์ ซึ่งย่อยสลายได้ยาก กลายเป็นขยะที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก จากปัญหาดังกล่าวทำให้เกิดแนวคิดการวิจัยหาวัสดุจากธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้มาทดแทน 

โดยกองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร ได้ทำการคัดเลือกวัตถุดิบซึ่งเป็นผลิตผลทางการเกษตร ได้แก่ กะหล่ำปลีสีม่วง มะเขือเทศ มะม่วง และแคร์รอต โดยนำมาทดลองเพื่อค้นหาคุณสมบัติของผักและผลไม้ดังกล่าวที่มีลักษณะปรากฏใกล้เคียงกับฟิล์มห่อหุ้มอาหารมากที่สุด และสามารถพัฒนาผลิตเป็นแผ่นฟิล์มสำหรับห่อหุ้มอาหารที่รับประทานได้ด้วย  ซึ่งผลจากการทดลอง พบว่าแคร์รอตเป็นพืชที่มีลักษณะปรากฏเหมาะสมที่สุดต่อการนำมาวิจัยต่อยอดเป็นฟิล์มที่สามารถบริโภคได้

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าวว่า  งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาฟิล์มบริโภคได้จากผักและผลไม้ โดยการทดลองแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การคัดเลือกวัตถุดิบ และการปรับปรุงคุณสมบัติของฟิล์ม สำหรับการคัดเลือกวัตถุดิบได้คัดเลือกผักและผลไม้กลุ่มที่มีองค์ประกอบของสารกลุ่มพอลิแซคคาร์ไรด์ ได้แก่ เพคติน เซลลูโลส และสตาร์ชสูง นำมาให้ความร้อนและตีป่นจนเป็นเนื้อละเอียดในรูปพิวเร่ (Puree) ก่อนขึ้นรูปเป็นฟิล์ม ซึ่งพบว่าแคร์รอตที่ความเข้มข้น 30% โดยน้ำหนัก ทำให้ฟิล์มที่มีลักษณะดีที่สุด คือ แห้งและไม่กรอบเปราะ จึงคัดเลือกแคร์รอตเป็นวัตถุดิบในการวิจัยครั้งนี้

หลังจากนั้นนำฟิล์มจากแคร์รอตที่ได้จากส่วนแรกมาปรับปรุงคุณสมบัติ โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 2 ส่วนย่อย คือ ส่วนของการปรับปรุงความแข็งแรงของฟิล์มด้วยเพคติน (Pectin) และแอลจิเนต (Alginate) เลือกสูตรที่ดีที่สุดมาปรับปรุงการยืดตัวโดยการเติมไซลิทอล  ซึ่งพบว่าการเติมแอลจิเนต 3% ของน้ำหนักเนื้อแคร์รอต และไซลิทอล (xylitol) 3.75% ของน้ำหนักเนื้อแคร์รอตให้ฟิล์มที่มีคุณสมบัติดีที่สุด  โดยแอลจิเนตมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความแข็งแรงแก่ฟิล์ม  ทำให้มีความเหนียวไม่ขาดง่าย  ส่วนไซลิทอลเป็นสารให้ความหวานใช้แทนน้ำตาล ใส่เติมลงไปเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ฟิล์ม  โดยฟิล์มจากแคร์รอตที่พัฒนาขึ้นนี้มีความต้านทานการซึมผ่านก๊าซออกซิเจนอยู่ในระดับที่ดี จึงนำมาประยุกต์เป็นฟิล์มห่อผลิตภัณฑ์เช่น ลูกอม และผลไม้กวน  นอกจากนี้ ฟิล์มแคร์รอตยังมีคุณค่าทางทางโภชนาการ และช่วยต้านการเสื่อมคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยาออกซิเดชัน  เนื่องจากฟิล์มแคร์รอต 1 แผ่นมีปริมาณสารเบต้าแคโรทีนสูงถึง 3,465 ไมโครกรัม  โดยฟิล์มแคร์รอตนี้มีอายุการใช้งานได้นานประมาณ 2 เดือน

 ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร โทร. 0 2940 5468

 


แหล่งที่มา

กรมวิชาการเกษตร
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู