"ฟาร์มสุขใจ" วางศิลาฤกษ์และยกเสาเอกโดมนำร่องปลูกกัญชาทางการแพทย์ “นครราชสีมา” เน้นทำตามขั้นตอน พ.ร.บ. นิรโทษกรรมกัญชา ให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเป็นผู้ขออนุญาตทำ MOU กับหน่วยงานของรัฐเพื่อดำเนินการขอปลูก ณ ศูนย์การเรียนรู้เมืองสมุนไพรฟาร์มสุขใจบ้านอ่างหิน ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พร้อมกับตรวจพื้นที่ที่จะนำร่องสร้างโดมปลูกกัญชา กัญชง พืชสมุนไพร และเกษตรอินทรีย์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการสนับสนุนส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้เกษตรกร
นายดิชฐ์พิเชษ สุวรรณโพธิ์ ประธานโครงการฟาร์มสุขใจ ภายใต้ บริษัทฟาร์มสุขใจ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามข้อกฎหมาย พ.ร.บ. นิรโทษกรรมกัญชา พ.ศ. 2562 นั้นมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ นอกจากนี้ ยังกำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออก ให้จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา โดยการปลูกกัญชาต้องดำเนินการในสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตเท่านั้น ในการปลูกทุกครั้งต้องใช้เมล็ดพันธุ์ เนื้อเยื่อ หรือวิธีการอื่นตามที่ได้รับอนุญาตแล้ว และจัดทำแนวเขตพื้นที่การเพาะปลูกที่เห็นได้ชัด ซึ่งต้องจัดให้มีการสุ่มวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบหาปริมาณสารสำคัญในกัญชา เช่น Cannabidiol (CBD) หรือ Tetrahydrocannabinol (THC) สารปนเปื้อน โลหะหนัก หรือสารอื่น ๆ ในการปลูกทุกครั้ง ตามมาตรฐานที่กำหนด และเก็บหลักฐานการตรวจวิเคราะห์ดังกล่าว ณ สถานที่ที่ได้รับอนุญาตเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี ในกรณีที่ผู้รับอนุญาต ไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ต้องจัดให้มีการสุ่มวิเคราะห์ดังกล่าว โดยผู้รับอนุญาตอื่นที่รับผลผลิตจากผู้รับอนุญาตปลูกไปดำเนินการแปรรูปหรือผลิตต่อไป รวมทั้งกำหนดให้ผู้รับอนุญาตผลิต หรือนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 จะผลิต หรือนำเข้า ซึ่งตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ต้องขอการรับรองตำรับต่อผู้อนุญาตก่อน และเมื่อได้รับหนังสือรับรองผลิตภัณฑ์แล้ว จึงจะผลิตหรือนำเข้าซึ่งตำรับยาเสพติดให้โทษนั้นได้ ส่วนการศึกษาวิจัย ให้ยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตตามแบบที่เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยากำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา พร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐาน เป็นต้น
ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 มีอีกหลายหน่วยงานที่สามารถทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ได้ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ หรือร่วมกับหน่วยงานของรัฐ สามารถทำได้หมด ในส่วนของการแจ้งเพื่อขอทำการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์นั้น ก็ยังสามารถทำได้ตลอด เนื่องจากกฎหมายมีการอนุญาตให้ขออนุญาตได้ แต่ต้องเป็นหน่วยงานรัฐ จะเป็นหน่วยงานรัฐใดก็ได้ สรุปโดยสังเขป ผู้ที่จะปลูกได้ ประกอบไปด้วย 1. หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับทางการแพทย์ 2. หน่วยงานที่เกี่ยวกับทางการเกษตร เช่น วิสาหกิจชุมชนไปร่วมกับมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาสายพันธุ์ว่าสายพันธุ์ไหนดีหรือไม่ดี ก็สามารถมาขออนุญาตได้ แต่ต้องมีหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ขออนุญาต และ 3. หน่วยงานของรัฐร่วมกับเอกชน เป็นต้น
ส่วนการขออนุญาตปลูกนั้น ประกอบด้วย 1. สถานที่เพาะปลูก ต้องได้รับการตรวจสอบจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 2. ต้องระบุปริมาณการปลูก 3. ต้องผ่านการตรวจสอบประวัติการถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษของผู้ขอรับอนุญาต 4. มาตรการรักษาความปลอดภัยต้องมีรั้วรอบขอบชิด เพื่อป้องกันการรั่วไหลของกัญชา 5. รายละเอียดการดำเนินการ แบ่งเป็นกรณีปลูกเพื่อประโยชน์ของทางราชการ การแพทย์ และกรณีปลูกเพื่อศึกษาวิจัย 6. ข้อมูลทั่วไปของผู้ขอรับอนุญาต หากปลูกต้องมีการระบุว่า จะนำสายพันธุ์กัญชามาจากที่ใด เช่น ขอมาจากของกลางจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ต้องมีการทำเรื่องขอของกลางจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหากจะมีการนำเข้าสายพันธุ์ ก็ต้องมีการอนุญาตการนำเข้า ดังนั้น ขอย้ำว่าในการที่จะทำอะไรต้องขออนุญาตทุกขั้นตอน