ผศ.ดร.วัชรพงษ์ อินทรวงศ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมพืชกัญชาทางการแพทย์ว่า กัญชาในรอบนี้ได้วางแผนการปลูกเพื่อให้ได้วัตถุดิบสำคัญ 4 ส่วน คือ ดอก ใบ ก้านใบ และราก นับตั้งแต่ย้ายปลูกต้นกล้ากัญชาเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา จนถึงวันนี้รวมระยะเวลาประมาณ 5 สัปดาห์ ต้นกัญชามีการเจริญเติบโตสมบูรณ์ดี ใบและก้านใบพร้อมส่งต่อให้โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร นำไปผลิตเป็นยาแผนไทย โดยทีมงานได้เก็บข้อมูลการปลูกเพื่อถอดองค์ความรู้ที่ได้เป็นต้นแบบและคู่มือการปลูกกัญชาทางการแพทย์ตามมาตรฐาน GACP และจะเปิดสอนให้วิสาหกิจชุมชนในรูปแบบการอบรมเชิงปฏิบัติการต่อไป
ดร.ศุภสิทธิ์ สิทธาพานิช ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกกัญชา กล่าวว่า ใบที่ใช้เป็นใบที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ ต้องเก็บรุ่งเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และได้รับความร่วมมือกับทีมงานจากโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้นฯ ร่วมเก็บผลผลิตในครั้งนี้ โดยจะเก็บในส่วนใบก่อน ส่วนอื่นๆ จะดำเนินการในครั้งต่อๆ ไป
ดร.ณธกร ทัศนัส ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและนวัตกรรมพืชกัญชาและพืชเสพติดสมุนไพรทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร กล่าวว่า ใบกัญชาที่ปลูกโตเร็วมาก และเก็บได้เร็วกว่าที่กำหนด 1 เดือน ซึ่งเดิมกำหนดว่าจะเก็บในเดือนมกราคม 2563
ทางด้าน พญ.กัญญาภัค ศิลารักษ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร กล่าวว่า จะนำวัตถุดิบกัญชาล็อตแรกนี้ ซึ่งได้ทำการเก็บเกี่ยวในส่วนของใบและก้านใบไปคัดแยกเพื่อนำไปเข้าตำรับยากัญชาที่โรงพยาบาลได้รับอนุญาตให้ผลิตจำนวน 3 ตำรับ ได้แก่ ส่วนใบ นำไปใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาศุขไสยาศน์ และยาแก้ลมแก้เส้น และส่วนของก้านใบ จะนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาแก้โรคจิต ซึ่งวัตถุดิบที่ได้ในวันนี้คาดว่าจะสามารถผลิตยาศุขไสยาศน์ได้ 4,000 ซอง ยาแก้ลมแก้เส้น 4,000 ซอง และยาแก้โรคจิตจำนวน 5,000 ซอง
จากข้อมูลสรุปโดย ดร.เจษฎา ภัทรเลอพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญสรีรวิทยาการผลิตพืชกัญชา กล่าวว่าพืชกัญชาเจริญเติบโตดี มีความสูงมากกว่า 1.50 เมตร หลังย้ายปลูก 1 เดือน คิดเป็นการเติบโตด้านความสูงเฉลี่ยวันละ 3 เซนติเมตร เคล็ดลับที่สำคัญมีดังนี้
- การเพาะเมล็ดได้ดี โดยใช้วัสดุเพาะเป็นพีตมอส ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซึมน้ำได้ดี แต่มีความโปร่งและระบายน้ำได้ดี และมีธาตุอาหารครบถ้วนในตัวเอง เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้ากัญชา ทำให้เมล็ดกัญชางอก และกล้าเติบโตดี
- การย้ายปลูกในระยะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากการเพาะกล้าทำในถาดเพาะซึ่งแต่ละหลุมเพาะมีวัสดุเพาะในจำนวนจำกัด ถึงแม้วัสดุเพาะจะมีธาตุอาหารครบถ้วน แต่เมื่อต้นกล้าเติบโตขึ้น ธาตุอาหารในหลุมเพาะไม่เพียงจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโตเมื่อย้ายปลูก และต้องใช้เวลานานกว่าต้นกล้าจะตั้งตัวได้ หรือเสี่ยงที่ต้นกล้าจะแคระแกร็นไม่เจริญเติบโตอีกเลย
- การใช้วัสดุปลูกที่มีความโปร่ง ระบายน้ำดี และมีธาตุอาหารสมบูรณ์ เลือกใช้ดินผสมปุ๋ยหมัก โดยดินเป็นแหล่งของธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรอง และการใช้ปุ๋ยหมักเพื่อเป็นแหล่งของจุลธาตุ และปรับสภาพทางกายภาพให้มีความโปร่ง เนื่องจากกัญชาเป็นพืชไม่มีเนื้อไม้ ระบบรากไม่แข็งแรง ต้องการดินที่โปร่งระบายน้ำดี
- การให้น้ำด้วยระบบอัตโนมัติ ให้ทีละน้อย แต่ให้บ่อยๆ ทำให้ต้นกัญชาได้รับน้ำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็รักษาระดับความชื้นของดินไม่ให้สูงเกินไป ต้นกัญชาไม่เกิดภาวะเครียดแม้ในช่วงบ่าย จึงเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
- การให้ปุ๋ยพร้อมระบบน้ำ (Fertigation) ทำให้ต้นกัญชาได้รับปุ๋ยต่อเนื่องตลอดเวลา และเพียงพอ เนื่องจากต้นกัญชาโตเร็วมากกว่าต้นพืชทั่วๆ ไป จึงมีความต้องการธาตุอาหารมากตามไปด้วย การปลูกกัญชาในภาชนะปลูกซึ่งมีปริมาตรของวัสดุปลูกจำกัด จึงมีธาตุอาหารจำกัด การให้ปุ๋ยพร้อมกับการให้น้ำจึงช่วยให้ต้นกัญชาได้รับธาตุอาหารอย่างเพียงพอตลอดเวลา
- การให้แสงเสริม เพิ่มจากแสงธรรมชาติ ช่วยยืดระยะเวลาในการสร้างอาหารผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เพิ่มการเติบโต และบังคับไม่ให้กัญชาออกดอกก่อนเวลา เนื่องจากกัญชาเป็นพืชวันสั้น หากได้รับแสงน้อยกว่า 12 ชั่วโมงต่อวันจะกระตุ้นการสร้างตาดอก เมื่อต้นกัญชาออกดอกจะนำอาหารที่สร้างได้มาสร้างดอกทำให้การเจริญเติบโตหยุดชะงัก
- สำหรับการเก็บใบกัญชาในชุดแรกนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 04.30 น. แล้วเสร็จเวลา 06.00 น.โดยประมาณ และส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้นฯ มีน้ำหนักรวม 30 กิโลกรัม จากต้นกัญชา 330 ต้น และคาดว่าจะเก็บผลผลิตได้ต่อไปในทุก 2 สัปดาห์