ถาม-ตอบ
ปุ๋ย
ถามเมื่อ 4 สิงหาคม 2564
สวัสดีครับ ขออนุญาตรบกวนถามครับ ผมจะพ่นธาตุอาหารรองแมงกานีส, เหล็ก, สังกะสี และยากำจัดเชื้อราไดเมโทมอร์ฟ กลุ่มสารเคมี Cinnamic acid amide WP ป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าทุเรียน ในคราวเดียวกันตามอัตราฉลากที่ระบุในแต่ละธาตุในถัง 20 ลิตร จะเข้มข้นมากไปจนทำให้ใบอ่อนไหม้หรือเปล่าครับ

แนะนำให้แยกพ่นคนละรอบกับสารป้องกันรานะคะ อยากให้พิจารณาเรื่องการเข้ากันไม่ได้ทางเคมี (Chemical incompatibility) ประกอบการตัดสินใจ เพราะสารเคมีบางชนิดที่ผสมกันแล้วต่อต้านฤทธิ์ซึ่งกันและกัน (Antagonistic effect) โครงสร้างทางเคมีหรือโมเลกุลเปลี่ยนไปทำให้เสื่อมฤทธิ์ทั้งคู่ ไม่มีประสิทธิภาพ หรือประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะการผสมปุ๋ยทางใบรวมกับสารกำจัดแมลงมีโอกาสที่สารกำจัดแมลงจะเสื่อมฤทธิ์มีสูงมาก นอกจากนี้แล้ว อาจเกิดเหตุการณ์สารที่ผสมกันเป็นพิษต่อพืช (Phytotoxicity) ที่เห็นได้ชัดเจน เช่นกรณีการใช้สารที่มีสูตรอีซี (Emusifiable concentrate : EC) แล้วผสมสารจับใบมากเกินไป หรือการผสมสารไวท์ออยล์หรือปิโตรเลียมออยล์กับสารซัลเฟอร์ จะทำให้พืชใบไหม้ ดอกร่วง ผลร่วง เป็นต้น สำหรับการเกิดพิษของสารต่อพืชนั้น นอกจากจะขึ้นกับชนิดของสาร สูตร (สูตร EC มีปัญหาเป็นพิษต่อพืชมากที่สุด รองลงมาคือสูตร WP) หรือการผสมสารแล้ว ยังขึ้นกับพืชด้วย โดยเฉพาะช่วงที่พืชเกิดความเครียด (Stress) เช่น ช่วงออกดอก ติดผลอ่อน และสภาพแวดล้อมในช่วงเวลาที่พ่นสารด้วย เช่น สภาพแสงแดด อุณหภูมิสูง เป็นต้น ขอเพิ่มเติมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในเรื่องการผสมสารเคมีทางการเกษตร จากคำแนะนำของ คุณอรพรรณ วิเศษสังข์ ผู้เชี่ยวชาญจากกรมวิชาการเกษตร ดังนี้ค่ะ 1. การพ่นสารแต่ละชนิดเดี่ยวๆ จะได้ประสิทธิภาพ ตามที่บริษัทผู้ผลิตแนะนำ เพราะการทดลองทุกอย่างจะทำกับสารเดี่ยวๆ เท่านั้นเพื่อการขึ้นทะเบียน 2. การผสมสารป้องกันกำจัดโรคพืช และสารกำจัดแมลงสามารถผสมร่วมกันได้ แต่ต้องผสมตามขั้นตอนและวิธีการที่เหมาะสม และใช้สารที่ผสมกันได้เท่านั้น 3. ฮอร์โมนแท้ๆ เช่น จิบเบอลาลิกเอซิด NAA หรืออื่นๆ ไม่ควรผสมกับสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช 4. ธาตุอาหารรอง ซึ่งบางครั้งเกษตรกรเรียกว่า ฮอร์โมน มีข้อจำกัดในการผสมกับสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช วิธีการใช้ป้องกันกำจัดศัตรูที่เหมาะสมเพื่อช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลักการสำคัญคือวิธีการผสมสารที่ถูกต้องตามขั้นตอนแต่ก่อนอื่นต้องรู้จักรูปแบบของสารป้องกันกำจัดดศัตรูพืชที่ใช้ก่อน ดังนี้ รูปแบบ (Formulation) ของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ก่อนจะพูดถึงปัญหาในการผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีมีจำหน่ายและใช้กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะดังนี้ 1.1 สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชชนิดที่เมื่อเอาสารฯใส่ลงไปในน้ำแล้วสารฯ นั้นกระจายตัวออกมาอยู่ในน้ำ ในลักษณะของสารแขวนลอย (Suspension) ยกตัวอย่างเช่นการเอาผงแป้งใส่ลงไปในน้ำแล้วเขย่า ผงแป้งจะกระจายตัวอยู่ในน้ำสามารถมองเห็นได้ สารในกลุ่มนี้เช่น เป็นต้นสารชนิดเม็ดผสมน้ำ (WP) สารชนิดผงผสมน้ำ( WG ) สารแขวนลอยเข้มข้น (SC) เป็นต้น 1.2 สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชชนิดที่เมื่อเอาสารฯใส่ลงไปในน้ำแล้วสารฯนั้นละลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ(solution) ขอยกตัวอย่างเช่นการเอาเกลือใส่ลงในน้ำเมื่อคนหรือเขย่า เกลือจะละลายกลมกลืนไปกับน้ำไม่สามารถเห็นส่วนของเมล็ดหรือผงเกลือด้วยตาเปล่าได้เกิดเป็นสารละลายของเกลือ สารฯในกลุ่มนี้เช่นสารชนิดผงละลายน้ำ (SP) สารละลายเข้มข้น (SL) 1.3 สารป้องกันกำจัดโรคพืชชนิดเมื่อเอาสารนั้นใส่ลงไปในน้ำแล้วสารนั้นมีการแยกตัวไม่ผสมรวมไปกับน้ำ เป็นสารละลายน้ำมัน (Emulsion) และการละลายที่เกิดขึ้นเป็นสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนม ยกตัวอย่างเช่นการเอาน้ำมันใส่ลงไปในน้ำแล้วเขย่า น้ำมันอาจแตกตัวออกเป็นหยดเล็กๆลอยอยู่ในน้ำ แต่ แต่ละหยดก็ยังคงสภาพเป็นน้ำมันแยกตัวจากน้ำอย่างชัดเจน สารในกลุ่มนี้ เช่น สารละลายน้ำมันเข้มข้น (EC) หลักการทั่วไปในการผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช เคยกล่าวไว้แล้วว่า การใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชให้มีประสิทธิภาพนั้น ต้องประกอบด้วย 4 ดี คือ น้ำดี สารฯ ดี ผสมดี และพ่นดี น้ำดีเป็นอย่างไร น้ำที่ใช้ในการผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ต้องเป็นน้ำสะอาด ควรมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 6.5-7 ถ้าเป็นน้ำอ่อนมักจะมีสภาพเป็นด่าง (ความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ มากกว่า 8 ) น้ำกระด้างจากบ่อน้ำลึก ๆ อาจทำให้สารเคมีเกิดการแยกตัวและตกตะกอน น้ำที่สูบจากแม่น้ำหรือสระ อาจจะปนเปื้อนสารเคมีต่าง ๆ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อสารเคมีที่ใช้ สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่ดี ต้องเป็นสารที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นสารที่หมดอายุ หรือคุณสมบัติทางกายภาพเปลี่ยนแปลงไป ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดมี shelf life ที่แตกต่างกันโดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดฝาภาชนะบรรจุแล้ว สารชนิดเดียวกันแต่ผลิตมาจากแหล่งผลิตที่แตกต่างกัน อาจมีความคงทนแตกต่างกัน อุณหภูมิและความชื้นในการเก็บรักษาเป็นปัจจัยสำคัญต่ออายุการใช้งานเช่นกัน สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชหลายชนิดจึงต้องระบุให้เก็บในที่แห้ง และภาชนะบรรจุต้องปิดสนิท ผสมดี เป็นการยากที่เกษตรกรจะพ่นสารทีละชนิด เพราะการระบาดของศัตรูพืชส่วนมากมักจะมีทั้ง โรค และ แมลงศัตรูพืช เกิดขึ้นพร้อมๆกันไป หรืออาจจะมีแมลงหลายชนิดเข้าทำลายพร้อมกันก็เป็นได้ ดังนั้นเกษตรกรต้องพ่นสารหลายชนิดเพื่อให้ครอบคลุมศัตรูพืชทั้งหมดที่มีโอกาสจะเกิดในแปลงปลูก เนื่องจากสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชนั้น มีหลายรูปแบบดังกล่าวข้างต้น ซึ่งการใช้สารแต่ละรูปแบบจะมีผลต่อการเข้ากันได้ หรือ เข้ากันไม่ได้ของสาร ซึ่งได้มีข้อสรุปไว้สำหรับการผสมสารฯรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้ - ในกรณีที่ใช้เฉพาะสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช 1. ใส่น้ำในถังที่จะผสมสารฯประมาณครึ่งถัง 2. ละลายสารแต่ละชนิดที่ละสารเทลงไปในถังผสมสารฯ 3. เริ่มจากสารฯที่เมื่อละลายในน้ำแล้วจะอยู่ในสภาพสารแขวนลอย (Suspension) เช่นสูตร WP , WG ,WT, WS,SC เป็นต้น ก่อน และกวนให้กระจายตัวอย่างดีก่อนเติมสารอื่น 4. ตามด้วยสารฯที่เมื่อละลายน้ำแล้วทำให้เกิดการละลายสมบูรณ์ (Solution) เช่น สูตร SL, SP เป็นต้น เป็นชุดที่สอง ตามด้วยสารจับใบถ้ามีการใช้ 5. สารละลายน้ำมันควรผสมเป็นชนิดสุดท้าย - ในกรณีที่จะใช้ปุ๋ยน้ำร่วมด้วย ต้องใช้ปุ๋ยที่เมื่อละลายในน้ำแล้วมีสภาพเป็นสารละลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ สามารถผสมปุ๋ยน้ำและธาตุอาหารรองได้ในปริมาณที่รวมกันแล้วต้องไม่มากกว่า 750 กรัมต่อน้ำ 100 ลิตร ละลายปุ๋ยในน้ำที่ใช้ผสมสารทั้งหมดก่อนเป็นอันดับแรก แล้วใช้น้ำที่ละลายปุ๋ยแล้วสำหรับละลายสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชอื่นๆ - ห้ามผสมสารกำจัดแมลงที่เป็นสูตรละลายในน้ำมัน (Emulsion) - ใช้สารที่ละลายน้ำแล้วเป็นสารละลายเนื้อเดียวกับน้ำ (Solution) เพียงชนิดเดียว ร่วมกับสารที่ละลายน้ำแล้วเป็นสารแขวนลอย (Suspension) กี่ชนิดก็ได้ - พ่นสารละลายที่ผสมแล้วทันที หากปล่อยให้สารละลายอยู่ในถังนานมากขึ้นก็จะเกิดปัญหาได้มากขึ้น ข้อพึงระวัง - ความเป็นพิษต่อพืชเกิดได้ง่ายและรุนแรงในสภาพอากาศร้อน และอากาศแห้ง ปุ๋ยน้ำและธาตุอาหารบางชนิดเช่น Zinc, Iron Sulfate และ Chelated compounds ถ้าผสมรวมกับสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชแล้วอาจทำลายคุณสมบัติในการกระจายตัวของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่เป็นสารแขวนลอยหรือสารน้ำมันได้ อย่างไรก็ตามยูเรียสามารถเข้ากันได้กับสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชได้แทบทุกชนิด - อย่าผสมสารที่เป็นด่างรุนแรง หรือเป็นกรดรุนแรง ด้วยกัน สารที่ออกฤทธิ์เป็นด่างหรือกรดรุนแรง เช่น sulfur, lime, lime-sulfur, zinc sulfate and lime, ferrous sulfate, and ammonium sulfate มักทำให้เกิดปัญหาการเข้ากันไม่ได้เสมอ เว้นแต่มีการระบุบนฉลาก - เพิ่มความระมัดระวังเมื่อผสมสาร WP กับสารละลายในน้ำมัน หรือปุ๋ยน้ำเนื่องจากสารเหล่านี้แขวนลอยในน้ำ และอาจทำให้มีการแตกตัวของน้ำมัน และทำให้เกิดการตกตะกอนหรือจับตัวเป็นก้อน ทำให้เสื่อมประสิทธิภาพ กรณีนี้อาจไม่ได้เกิดจากตัวสารออกฤทธิ์ แต่เกิดจากตัวน้ำมัน ตัวทำละลาย สารเติมแต่งตลอดจนสารจับที่ผสมอยู่ บางครั้งผลิตภัณฑ์จากบริษัทเดียวกันสามารถละลายรวมกันได้ แต่ต่างบริษัทไม่สามารถรวมกันได้ พ่นดี การที่พ่นไปแล้วละอองสารฯ ต้องเกาะติดกับพืชได้ทั่วถึง ไม่ไหลทิ้งลงดินมากเกินไป เพราะเป็นการสิ้นเปลือง ดังนั้นจึงควรใช้เครื่องพ่นที่มีมีแรงดันเหมาะสม สม่ำเสมอ ใช้ชนิดและขนาดของหัวพ่นที่เหมาะสม ตรวจสอบและเปลี่ยนหัวพ่นตามอายุการใช้งาน


คำถามแนะนำสำหรับคุณ

© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู