คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) มีมติเห็นชอบมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาและส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2568/69 รวมวงเงินกว่า 224.5 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค รวมถึงลดปัญหามลพิษจากฝุ่นละออง PM2.5
หลักเกณฑ์การรับซื้อและกำกับราคาภายในประเทศ
นบขพ. ยืนยันมติเดิม (10 มิถุนายน 2568) กำหนดให้โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีความชื้น 14.5% ในราคา 9.80 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ผู้รวบรวมสามารถรับซื้อข้าวโพดสดที่มีความชื้น 30% จากเกษตรกรในราคา 7.05 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ หากโรงงานอาหารสัตว์ซื้อในราคาต่ำกว่าที่กำหนด จะไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานประกอบการขอสิทธินำเข้าข้าวสาลีในสัดส่วน 3 ต่อ 1 ได้
มาตรการส่งเสริมเสถียรภาพและการผลิต
มาตรการสำคัญประกอบด้วย 4 โครงการ ได้แก่
1.โครงการชดเชยดอกเบี้ยเพื่อการเก็บสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
2. โครงการสินเชื่อเพื่อการรวบรวมและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
3.โครงการเพิ่มช่องทางการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
4. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก
มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเสริมความมั่นคงด้านรายได้ของเกษตรกร เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของห่วงโซ่อุปทาน และกระตุ้นให้มีการปรับปรุงคุณภาพการผลิตอย่างยั่งยืน
มาตรการกำกับการนำเข้า
นอกจากมาตรการด้านราคาและการผลิตแล้ว ที่ประชุมยังคงหลักเกณฑ์การนำเข้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) โดยเปิดให้ผู้นำเข้าทั่วไปสามารถนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 สิงหาคม 2569 ขณะเดียวกันยังคงเงื่อนไข “3 ต่อ 1” คือ การนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องมีการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ 3 ส่วน ซึ่งจะเริ่มนับการซื้อข้าวโพดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อใช้ประกอบการขออนุญาตนำเข้าในปีถัดไป
กลไกติดตามและประเมินผล
เพื่อให้มาตรการดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการติดตามสถานการณ์ด้านการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทน ซึ่งมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเกษตรกร และภาคเอกชน ร่วมกันกำกับ ติดตาม และประเมินผลอย่างใกล้ชิด