ข่าวสาร
F01 การผลิตพืช
3 กรกฎาคม 2568
“กระเจียวเพชรน้ำผึ้ง” พืชทนแล้ง ปลูกง่าย ให้ดอกทุกวัน สร้างรายได้ทุกฤดู

“กระเจียวเพชรน้ำผึ้ง” คือหนึ่งในพันธุ์กระเจียวหวานที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มเกษตรกรไทย ด้วยคุณสมบัติเด่นในด้านความทนทานต่อสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะความแห้งแล้ง รวมถึงการเจริญเติบโตที่ง่าย ให้ดอกอย่างต่อเนื่อง สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทุกวัน และสร้างรายได้อย่างมั่นคงในระยะยาว พืชชนิดนี้จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับการทำเกษตรในยุคปัจจุบัน

กระเจียว พืชสมุนไพรสกุลขมิ้นที่มีอนาคตไกล กระเจียวจัดอยู่ในวงศ์ขิง (Zingiberaceae) สกุลขมิ้น (Curcuma) เป็นพืชพื้นเมืองของไทยที่พบได้ทั่วทุกภาค มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมสูง นิยมใช้ทั้งเป็นสมุนไพร ประกอบอาหาร และตกแต่งในงานฝีมือ

ในช่วงฤดูฝน กระเจียวจะเติบโตได้ดีจากความชุ่มชื้นของดิน โดยเริ่มจากการผลิใบ จากนั้นจะทยอยแทงช่อดอกออกมา เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง ต้นเหนือดินจะเหี่ยวแห้งลง แต่ระบบใต้ดินยังคงเก็บสะสมอาหารเพื่อเตรียมพร้อมผลิยอดใหม่ในฤดูถัดไป

กระเจียวเพชรน้ำผึ้ง เป็นพันธุ์กระเจียวหวานที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีความโดดเด่นในหลายด้าน ทั้งรสชาติ รูปลักษณ์ และความทนทาน เหมาะสำหรับการปลูกเชิงพาณิชย์

ต้นแบบเกษตรกร คุณพรสวรรค์ สีหิน เกษตรกรต้นแบบจากบ้านลุมพุก ตำบลลุมพุก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร เป็นผู้ริเริ่มปลูกกระเจียวเพชรน้ำผึ้งบนพื้นที่ 35 ไร่ ภายใต้แนวคิดโคก หนอง นา โมเดล โดยจัดสรรพื้นที่อย่างเป็นระบบ เช่น
- พื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 จำนวน 30 ไร่
- โรงเรือนเพาะเห็ดฟาง 4 โรง
- โรงเรือนเลี้ยงตั๊กแตน
- ฟาร์มโคพันธุ์บราห์มัน
- และ “ไร่กระเจียวเพชรน้ำผึ้ง” ซึ่งเป็นรายได้หลักอีกแหล่งหนึ่ง

สวนแห่งนี้ยังได้รับเลือกให้เป็น ศูนย์เรียนรู้ครัวเรือนต้นแบบ มีเกษตรกรจากหลายพื้นที่เข้ามาเยี่ยมชมและเรียนรู้การทำเกษตรผสมผสานอย่างยั่งยืน

จุดเด่นของกระเจียวเพชรน้ำผึ้ง
๐ ปลูกง่าย ดูแลง่าย ไม่ต้องรดน้ำบ่อย และไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี
๐ ทนฝน ทนแล้ง เหมาะสำหรับพื้นที่รกร้าง หรือพื้นที่ที่ขาดน้ำ
๐ ดอกกรอบ หวาน กลิ่นหอมอ่อน ไม่มีรสเฝื่อน รับประทานสดได้
๐ ให้ผลผลิตต่อเนื่อง สามารถเก็บดอกสดขายได้ทุกวัน
๐ อายุการใช้งานของหัวพันธุ์ยาวนาน สามารถเก็บไว้ปลูกซ้ำได้ทุกปี

การปลูกกระเจียวเพชรน้ำผึ้งอย่างเป็นระบบ

  1. เตรียมดิน
    - ไถพรวนดิน และโรยปูนขาวปรับสภาพดิน ทิ้งไว้ประมาณ 14 วัน
    - พรวนดินอีกครั้ง และยกร่องเพื่อให้ดินระบายน้ำได้ดี

  2. ปลูกหัวพันธุ์
    - ขุดหลุมโดยมีระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 80 เซนติเมตร
    - ใส่ปุ๋ยคอกก้นหลุม นำหัวพันธุ์ลงหลุม แล้วกลบดินให้แน่น
    - คลุมฟางบาง ๆ เพื่อรักษาความชื้น

  3. ฤดูปลูก
    - เริ่มปลูกในเดือนมีนาคม
    - ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนจึงเริ่มเก็บเกี่ยวได้

ในปีแรก ปริมาณดอกที่ได้อาจยังไม่มาก แต่ตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป ผลผลิตจะเพิ่มขึ้น 1–2 เท่า หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

การจัดการโรคพืชและแมลง โดยทั่วไป กระเจียวเพชรน้ำผึ้งมีความแข็งแรง ทนต่อโรคพืช แต่บางครั้งอาจพบการรบกวนจากแมลงบางชนิด เช่น หนอนแมลงวัน ซึ่งอาจมากัดกินหัวพันธุ์เนื่องจากกลิ่นหอมของกระเจียว อย่างไรก็ตาม การระบาดพบได้น้อยมาก จึงยังไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการควบคุม

การเก็บเกี่ยวและการตลาด
- ฤดูกาลเก็บเกี่ยว เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน และออกดอกสูงสุดในช่วงพฤษภาคม–กรกฎาคม สิ้นสุดการเก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคม
- การเก็บเกี่ยว สามารถตัดดอกสดได้ทุกวัน และดอกสดสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 20 วัน
- ราคาจำหน่าย จำหน่ายให้พ่อค้าแม่ค้าคนกลางในตลาดอำเภอในราคาส่ง กิโลกรัมละ 50 บาท โดยมีคำสั่งซื้อต่อเนื่องจนไม่เพียงพอต่อความต้องการ

แนวคิดและแรงบันดาลใจ
คุณพรสวรรค์ฝากแนวคิดไว้ว่า

“การทำเกษตรผสมผสาน ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ ไม่ว่าจะมีพื้นที่ขนาดเท่าใด แต่สิ่งที่มีเท่ากันคือ ต้นทุนจากตัวเราเอง หากมีความพยายาม หมั่นหาความรู้ มีเป้าหมาย และลงมือทำตั้งแต่วันนี้ แม้จะเหนื่อยหรือท้อบ้าง แต่สุดท้ายจะพบความสำเร็จแน่นอน”

ติดต่อสอบถาม ผู้ที่สนใจเรียนรู้หรือสั่งซื้อพันธุ์กระเจียวเพชรน้ำผึ้ง สามารถติดต่อได้ที่ คุณพรสวรรค์ สีหิน
โทร. 08 8580 8967 Facebook โคก หนอง นา ผู้ใหญ่พร - สวนน้ำเพชร


แหล่งที่มา

เทคโนโลยีชาวบ้าน
https://www.khaosod.co.th/technologychaoban/featured/article_260676
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู