ข่าวสาร
L73 โรคสัตว์
25 มิถุนายน 2568
ภัยเงียบจากฝุ่น PM2.5: ผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงและวิธีป้องกัน 🐶🐱

PM2.5 คืออะไร และเป็นปัญหาอย่างไร?

PM2.5 เป็นอนุภาคประเภทหนึ่งที่พบในบรรยากาศ โดยมีขนาดเล็กประมาณ 30 เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางเส้นผมมนุษย์ ต้นกำเนิดของฝุ่นละอองเหล่านี้เกิดจาก ควันจากไอเสียรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม ไฟป่า และฝุ่นที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ (Thailand CAN, 2023) ด้วยขนาดที่เล็กมาก ฝุ่น PM2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายได้ลึกและสะสมในปอด รวมถึงแพร่กระจายผ่านกระแสเลือด ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอย่างร้ายแรงในระยะสั้นและระยะยาว โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบกับปัญหามลพิษทางอากาศจาก PM2.5 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่เมือง เช่น กรุงเทพมหานคร ซึ่งเคยติดอันดับเมืองที่มีคุณภาพอากาศย่ำแย่ที่สุดในโลก (9 มกราคม 2563 US AQI 173, PM2.5 = 57.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) อย่างไรก็ตาม สถานการณ์มลพิษทางอากาศยังคงเป็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมกราคม 2568 กรุงเทพมหานครยังคงเผชิญกับระดับฝุ่น PM2.5 ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2568 ค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยอยู่ที่ 58.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสัตว์เลี้ยง

ในวันที่ 24 มกราคม 2568 ค่าฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ พุ่งสูงถึง 108 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้กรุงเทพฯ ติดอันดับที่ 4 ของเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก (GCC, 2025) จากข้อมูลนี้ เห็นได้ชัดว่าสัตว์และคนยังคงต้องเผชิญกับผลกระทบที่เป็นอันตรายจาก PM2.5 สถานการณ์นี้สะท้อนถึงปัญหาฝุ่นละอองที่ยังคงมีอยู่ และจำเป็นต้องมีมาตรการรับมือที่เหมาะสมเพื่อปกป้องทั้งมนุษย์และสัตว์เลี้ยงจากผลกระทบของมลพิษทางอากาศ

ทำไมสัตว์จึงไวต่อมลพิษ PM2.5 มากกว่ามนุษย์?

  1. อัตราการหายใจสูงกว่า เนื่องจากสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว มีอัตราการหายใจที่เร็วกว่าเมื่อเทียบกับมนุษย์ โดยเฉลี่ยสุนัขจะหายใจประมาณ 30 ครั้งต่อนาที ส่วนแมวอยู่ที่ 25 ครั้งต่อนาที ในขณะที่มนุษย์หายใจเพียง 12-16 ครั้งต่อนาที (Vet KU, 2023) การหายใจถี่ขึ้นทำให้สัตว์เลี้ยงสูดดมอากาศที่ปนเปื้อนฝุ่น PM2.5 เข้าไปในปอดมากกว่ามนุษย์ในระยะเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ สัตว์เลี้ยงที่มีอายุมาก หรือเป็นสายพันธุ์ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ปั๊ก บูลด็อก หรือแมวเปอร์เซีย จะได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น
  2. การอยู่ใกล้ชิดพื้นดินมากกว่า เป็นเหตุให้ฝุ่นละอองมักสะสมอยู่ที่ระดับพื้นดินมากกว่าชั้นบรรยากาศตอนบน ซึ่งเป็นบริเวณที่สัตว์เลี้ยงใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเดิน นั่ง หรือนอน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น หรือถนนที่มีฝุ่นละอองสะสมเป็นจำนวนมาก สัตว์เลี้ยงจะได้รับมลพิษมากกว่ามนุษย์ที่ยืนหรือเดินอยู่ในระดับที่สูงกว่า นอกจากนี้ พื้นที่ในเมืองที่ขาดต้นไม้หรือพื้นที่สีเขียวทำให้ฝุ่นละอองสะสมอยู่ได้นานขึ้น ส่งผลให้สัตว์ที่ใช้ชีวิตนอกบ้านหรือออกไปเดินเล่นตามถนนมีความเสี่ยงต่อการได้รับ PM2.5 มากขึ้น (Pets Baanlaesuan, 2023)
  3. พฤติกรรมการเลียขนเพื่อทำความสะอาดตัวเอง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ต่างจากมนุษย์ เนื่องจากมนุษย์สามารถอาบน้ำและล้างหน้าเพื่อลดการสะสมของฝุ่นได้ สัตว์เลี้ยงมักทำความสะอาดตัวเองด้วยการเลียขน ซึ่งทำให้ฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนตัวพวกมันถูกกลืนเข้าสู่ร่างกายโดยตรง อนุภาค PM2.5 ที่เข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินอาหารอาจส่งผลต่อกระเพาะอาหาร ตับ และไตของสัตว์ในระยะยาว นอกจากนี้พันธุ์สัตว์ที่มีขนยาว เช่น ไซบีเรียนฮัสกี้ หรือเปอร์เซียนคัต อาจมีโอกาสสะสมฝุ่น PM2.5 บนขนมากกว่าสัตว์ขนสั้นและเสี่ยงต่อการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น
  4. สัตว์เลี้ยงไม่สามารถสื่อสารได้ว่าเมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกไม่สบายจากมลพิษทางอากาศ ดังนั้นเจ้าของต้องคอยสังเกตอาการผิดปกติ เช่น การไอเรื้อรัง น้ำตาไหลผิดปกติ หายใจหอบ หรืออ่อนเพลียโดยไม่มีสาเหตุ ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงได้รับฝุ่น PM2.5 ในปริมาณมากเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะทางเดินหายใจอักเสบเรื้อรัง และกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต การตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ รวมถึงสังเกตพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงในช่วงที่ค่าฝุ่นสูงถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของสัตว์

ผลกระทบของ PM2.5 ต่อสุขภาพสัตว์

  1. ระบบทางเดินหายใจ เพราะเมื่อสัตว์สูดดมอนุภาค PM2.5 เข้าไป ฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้สามารถเข้าสู่ปอดและสะสมในระบบทางเดินหายใจได้อย่างง่ายดาย ทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคือง ส่งผลให้สัตว์เลี้ยงมีอาการไอ หายใจลำบาก หรือเกิดภาวะหอบหืดได้ โดยเฉพาะในสุนัขพันธุ์หน้าสั้น เช่น ปั๊กและบูลด็อก ที่มีลักษณะกายวิภาคของระบบทางเดินหายใจที่ค่อนข้างสั้นและแคบอยู่แล้ว จึงมีโอกาสได้รับผลกระทบมากขึ้น หากได้รับ PM2.5 อย่างต่อเนื่อง อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น หลอดลมอักเสบหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งอาจทำให้สัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตลดลง
  2. ระบบหัวใจและหลอดเลือด เพราะอนุภาค PM2.5 ที่มีขนาดเล็กมากสามารถแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางปอด ทำให้เกิดปัญหาการไหลเวียนของเลือด โดยเปรียบได้กับการมีเศษทรายอุดตันในท่อส่งน้ำ หัวใจของสัตว์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสัตว์เลี้ยงที่มีโรคหัวใจอยู่แล้ว PM2.5 อาจเร่งให้อาการแย่ลง
  3. กระดูกและโครงสร้างร่างกาย เพราะ PM2.5 ไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ระบบทางเดินหายใจและหัวใจ แต่ยังมีผลต่อกระดูกและโครงสร้างร่างกายของสัตว์ด้วย งานวิจัยบางชิ้นพบว่ามลพิษทางอากาศสามารถลดการสะสมของแร่ธาตุในกระดูก ทำให้โครงสร้างของกระดูกอ่อนแอลงและบางลง ส่งผลให้สัตว์ที่ต้องพึ่งพากล้ามเนื้อและกระดูกเป็นหลัก เช่น กระรอกที่ต้องกระโดดหรือนกที่ต้องบิน ได้รับผลกระทบโดยตรง กระดูกที่เปราะบางขึ้นอาจทำให้สัตว์มีโอกาสบาดเจ็บสูงขึ้นและลดความสามารถในการดำรงชีวิตตามธรรมชาติ

วิธีปกป้องสัตว์เลี้ยงจาก PM2.5

  1. เพื่อให้สัตว์เลี้ยงปลอดภัยจาก PM2.5 การควบคุมคุณภาพอากาศภายในบ้านเป็นสิ่งสำคัญ ควรใช้ เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ซึ่งสามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงที่สัตว์เลี้ยงจะสูดดมฝุ่นละอองเข้าไป นอกจากนี้ ควร ปิดหน้าต่าง ในวันที่คุณภาพอากาศแย่ เพื่อลดการแพร่กระจายของฝุ่นจากภายนอกเข้าสู่ภายในบ้าน อีกทั้งควร ใช้เครื่องวัดคุณภาพอากาศ เพื่อตรวจสอบระดับ PM2.5 อย่างสม่ำเสมอ ทำให้สามารถตัดสินใจได้ว่าเมื่อใดควรใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม (Vet KU, 2023)
  2. การรักษาความสะอาดของสภาพแวดล้อมเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองภายในบ้าน ควร ดูดฝุ่นบ้านเป็นประจำ โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA เพื่อกำจัดอนุภาค PM2.5 ที่อาจเกาะติดกับพื้นหรือเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้ หลังจากพาสัตว์เลี้ยงเดินเล่นนอกบ้าน ควร เช็ดอุ้งเท้า ของพวกมันเพื่อลดการสะสมของฝุ่นและสารมลพิษที่อาจติดมากับอุ้งเท้าและขน การ แปรงขนสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ จะช่วยกำจัดฝุ่นที่ติดอยู่ตามตัว ลดโอกาสที่สัตว์จะเลียขนและกลืนฝุ่นเข้าไป
  3. เมื่อนำสัตว์เลี้ยงออกไปข้างนอก การจัดการเวลาสำหรับการพาสัตว์เลี้ยงออกไปนอกบ้านเป็นสิ่งสำคัญ ควร เลือกเวลาเดินเล่น ตอนเช้าหรือตอนเย็นเมื่อมลพิษทางอากาศอยู่ในระดับต่ำ (Thailand CAN, 2023) และหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น เพื่อลดการสัมผัสกับไอเสียจากรถยนต์และฝุ่นละออง หากเป็นไปได้ ควรพาสัตว์ไปยัง สวนสาธารณะที่มีต้นไม้เยอะ เพราะต้นไม้ช่วยกรองอากาศ ลดระดับมลพิษ และให้สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับสัตว์เลี้ยง

บทสรุป

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก อย่าง PM2.5 เป็นมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของสัตว์ในเมืองและสัตว์เลี้ยงในบ้าน ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่น การอักเสบของปอด อาการไอ และโรคเรื้อรังอย่างหอบหืดหรือหลอดลมอักเสบ แต่ยังสามารถเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดต้องทำงานหนักขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ PM2.5 ยังมีผลต่อโครงสร้างร่างกายของสัตว์ โดยสามารถลดการสะสมแร่ธาตุในกระดูก ทำให้กระดูกบางลงและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากขึ้น สัตว์ที่ต้องใช้พลังงานและโครงสร้างกระดูกเป็นหลัก เช่น นกและกระรอก อาจได้รับผลกระทบมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น ปัญหานี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ง่าย โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองที่มีมลพิษสูง ดังนั้น เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรตระหนักถึงอันตรายของ PM2.5 และหาทางปกป้องสัตว์เลี้ยงของตน เช่น การใช้เครื่องฟอกอากาศ การทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการพาสัตว์ออกไปข้างนอกในวันที่ค่าฝุ่นสูง และในอนาคต การลดมลพิษทางอากาศและพัฒนามาตรการป้องกันสุขภาพสัตว์เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากขึ้น เพื่อให้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในเมืองสามารถมีชีวิตที่ปลอดภัยและมีสุขภาพดีได้ต่อไป

แนะนำแหล่งข้อมูลแบบ Open Access

Thailand CAN. (2023). ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อสุขภาพสัตว์และพืชพันธุ์รอบตัวเรา. Retrieved from https://thailandcan.org/th/blog/The-effects-of-PM2.5-dust-on-the-health-of-animals-and plants-around-us

Vet KU. (2023). EP.14 ฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงอย่างไร จะดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างไร. Retrieved from https://vet.ku.ac.th/vv2018/index.php/ar/ep14

Pets Baanlaesuan. (2023). PM 2.5 วายร้ายขนาดจิ๋ว ที่มีผลกระทบและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง. Retrieved from https://pets.baanlaesuan.com/183338/pet-health/particulate-matter-2-5

ภูริช วรรธโนรมณ์. (2023). ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อสัตว์ในเมือง. มูลนิธิสืบนาคะเสถียร.

GCC. (2025). รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศประจำวันในกรุงเทพมหานคร. Government Climate Center. Retrieved from https://www.gcc.go.th/2025/01/26/

#PM25กับสัตว์เลี้ยง #ภัยเงียบจากฝุ่น #ฝุ่นPM25 #สัตวแพทย์เกษตร #KUrepository #สุขภาพสัตว์เลี้ยง


แหล่งที่มา

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำนักหอสมุด ฝ่ายสารสนเทศ
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู