🔍 การค้นพบ นักวิจัยจากหลายหน่วยงานของไทย ร่วมกันค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลกในวงศ์กระดังงา (Annonaceae) ที่อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้รับการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sageraea multiovulata Wiya, Sinbumr. & Chaowasku และตั้งชื่อภาษาไทยว่า ธาราทุม หรือชื่อท้องถิ่นว่า ปิ๊ตัน หรือ กะโมกน้ำ จัดอยู่ในสกุลกะโมกเขา (Sageraea) การค้นพบนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ Plant Systematics and Evolution ปีที่ 311 ฉบับที่ 3 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
มีลักษณะเด่นคือ เป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูงได้ถึง 18 เมตร ดอกออกเป็นช่อ กลีบดอกมีสีครีมถึงเหลืองอ่อน ผลเป็นผลกลุ่ม ผลย่อยมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เมื่อสุกมีสีเขียวอมเหลือง มีเมล็ดจำนวนมาก เรียงตัว 2 แถว โดยผลย่อยของ ธาราทุม จะสุกในช่วงเริ่มต้นฤดูน้ำหลาก ราวเดือนตุลาคม สันนิษฐานว่าเมื่อผลสุกหล่นลงไปในน้ำ กระแสน้ำจะช่วยพัดพาไปยังพื้นที่ ๆ เหมาะสมต่อการกระจายพันธุ์
นอกจากนี้การที่ผลแช่อยู่ในน้ำยังช่วยให้เปลือกผลอ่อนนิ่ม และย่อยสลายได้ง่ายขึ้น ส่วนคำระบุชนิด “Multiovulata” มีความหมายว่า “มีออวุลจำนวนมาก” สะท้อนลักษณะสำคัญของพืชชนิดใหม่นี้ที่มีออวุล 19–20 อันต่อรังไข่ ซึ่งมีมากสุดเท่าที่เคยมีรายงานในสกุลนี้ (5–12 อันต่อรังไข่)
อนึ่ง ต้นธาราทุมมีนิเวศวิทยาที่โดดเด่น ไม่เหมือนพืชชนิดอื่นในสกุลเดียวกัน กล่าวคือ พบขึ้นอยู่ใกล้ชายฝั่งแม่น้ำตาปี ใน อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งในแต่ละปีพื้นที่ดังกล่าวจะถูกน้ำท่วมต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน จึงเป็นที่มาของชื่อ (ธารา-สายน้ำ ทุม-ต้นไม้)
🌳 ลักษณะพฤกษศาสตร์ของธาราทุม
- เป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูงได้ถึง 18 เมตร
- ดอกออกเป็นช่อ กลีบดอกมีสีครีมถึงเหลืองอ่อน
- ผลเป็นผลกลุ่ม ผลย่อยขนาดค่อนข้างใหญ่
- เมื่อสุกมีสีเขียวอมเหลือง ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก
- เมล็ดเรียงเป็น 2 แถว ภายในผลย่อย
🌊ถิ่นอาศัยและระบบนิเวศเฉพาะตัว
- พบเฉพาะบริเวณชายฝั่งแม่น้ำตาปี ในพื้นที่ชุ่มน้ำของอำเภอเคียนซา
- พื้นที่นี้จะถูกน้ำท่วมติดต่อกันประมาณ 6 เดือนต่อปี
- คาดว่าผลที่สุกในช่วงต้นฤดูน้ำหลาก (เดือนตุลาคม) จะหล่นลงน้ำ และกระแสน้ำจะช่วยพัดพาเมล็ดไปยังพื้นที่เหมาะสม
- การแช่น้ำยังช่วยให้เปลือกผลย่อยสลายง่าย เพิ่มโอกาสในการงอก
คำว่า ธาราทุม มาจาก ธารา = สายน้ำ ทุม = ต้นไม้ สะท้อนถึงถิ่นกำเนิดและสภาพแวดล้อมเฉพาะของพืชชนิดนี้
🛑 สถานภาพการอนุรักษ์
- พบเพียงแหล่งเดียวในประเทศไทย
- ประชากรมีการกระจายพันธุ์ในวงแคบ ถูกล้อมรอบด้วยพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันและยางพารา
- เบื้องต้นประเมินว่าอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered; CR)
🌱 การอนุรักษ์และการนำไปใช้
- กลุ่มชุมชนบ้านบางประ โดยนายประมวล ประสมรอด ดูแลพื้นที่ต้นกำเนิด
- นักวิจัยอิสระ นายจีรวิทย์ ศรีไชยขรรค์ ได้นำกล้าธาราทุมมอบให้องค์การสวนพฤกษศาสตร์
- ปัจจุบันมีการปลูกเลี้ยงไว้ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เพื่อสำรองพันธุกรรมและอนุรักษ์นอกถิ่น
- ยังไม่มีรายงานการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยตรง แต่หากมีการศึกษาสารสำคัญเพิ่มเติม อาจนำไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ และเป็นแรงจูงใจในการอนุรักษ์
👩🔬 ทีมวิจัยผู้ค้นพบ
ดร.ฉัตรธิดา วิยา นักอนุกรมวิธานพืช องค์การสวนพฤกษศาสตร์ ร่วมกับ
รศ.ดร.ธนวัฒน์ เชาวสกู ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ดร.อานิสรา ดำทองดี นักวิจัยหลังปริญญาเอก
นายอรุณ สินบำรุง, นายพรธวัช เฉลิมวงศ์, นายผดุงศักดิ์ เสือแก้ว นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
รศ.ดร.สุธีร์ ดวงใจ ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
น.ส.หทัยชนก จงสุข นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ กรมส่งเสริมการเกษตร