การปลูกองุ่นทำไวน์ด้วยระบบสมาร์ทฟาร์ม
ประเทศไทยมีศักยภาพในการปลูกองุ่นทำไวน์ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีสภาพอากาศเย็นและดินเหมาะสม เช่น เขาใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของไร่องุ่น *GranMonte Vineyard and Winery* หนึ่งในผู้นำด้านการปลูกองุ่นทำไวน์ด้วยระบบสมาร์ทฟาร์ม เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับคุณภาพไวน์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
GranMonte Vineyard and Winery อาณาจักรไวน์แห่งเขาใหญ่ที่ดำเนินงานโดย คุณวิสุตา และคุณสุวิสุทธิ์ โลหิตนาวี มีประสบการณ์กว่า 25 ปี โดยเฉพาะ คุณนิกกี้-วิสุตา ไวน์เมกเกอร์แถวหน้าของไทย ที่ศึกษาวิชา Oenology และ Viticulture จากมหาวิทยาลัย Adelaide ประเทศออสเตรเลีย และนำความรู้มาพัฒนาไร่องุ่นให้ทัดเทียมระดับโลก
การปลูกองุ่นทำไวน์ในไทย อิสระมากกว่ายุโรป
ที่ยุโรป การปลูกองุ่นทำไวน์ถูกควบคุมให้จำกัดสายพันธุ์และรูปแบบไวน์ที่ผลิต แต่ไทยจัดอยู่ในกลุ่ม "ไวน์นิวละติจูด" ทำให้สามารถทดลองปลูกองุ่นได้หลากหลาย ปัจจุบันที่กรานมอนเต้มีการปลูก 12 สายพันธุ์หลัก ครอบคลุมองุ่นแดงและขาว เช่น Syrah, Cabernet Sauvignon, Chenin Blanc, Sauvignon Blanc เป็นต้น
1. การปลูกองุ่นทำไวน์
1.1 สายพันธุ์องุ่นที่เหมาะสม
ไร่องุ่นปลูกองุ่นกว่า 12 สายพันธุ์ บนพื้นที่ 170 ไร่ แบ่งเป็น:
- องุ่นแดง : Syrah, Cabernet Sauvignon, Durif, Grenache, Mourvedre
- องุ่นขาว : Chenin Blanc, Viognier, Verdelho, Semillon, Alvarinho, Canada Muscat, Sauvignon Blanc
ผลผลิตองุ่นและการควบคุมคุณภาพ
Syrah : 1.5 ตัน/ไร่ ต้องควบคุมปริมาณเพื่อคงรสชาติ
Chenin Blanc : 2-3 ตัน/ไร่ ให้ผลผลิตสูง
Cabernet Sauvignon : 600-1,000 กิโลกรัม/ไร่ คุณภาพพรีเมียม
การปลูกองุ่นในประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม New latitude wines ซึ่งสามารถทดลองปลูกสายพันธุ์ต่างๆ ได้มากกว่าพื้นที่ในยุโรปที่มีข้อจำกัดด้านสภาพภูมิอากาศและกฎหมาย
1.2 ปัจจัยด้านภูมิอากาศและดิน
- พื้นที่ที่มีอากาศเย็นในช่วงหน้าหนาวช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพดีขึ้น อากาศหนาว-แห้งช่วงเก็บเกี่ยว (ระหว่างเดือน ก.พ.-มี.ค.) เป็นข้อได้เปรียบของเขาใหญ่
- ดินมีค่า pH 6-7 มีธาตุเหล็กสูง และระบายน้ำดี มี Terra rossa ดินเหนียวสีแดง อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและแคลเซียม
- พื้นที่เขาใหญ่ ตั้งอยู่ที่ความสูง 350-600 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีลมหนาวแห้งจากจีนพัดผ่าน ช่วยลดความชื้นและป้องกันโรคพืชได้ดี
1.3 ระบบการปลูก
- ใช้ต้นป่า (Rootstock) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อโรค หรือ Own-root ในบางสายพันธุ์
- ปลูกด้วยโครงสร้างเถาวัลย์แบบ 2 แขน จำกัดจำนวนกิ่งที่ 10 ตำแหน่งต่อต้น
- ใช้เวลา 2 ปี ในการเติบโตเต็มที่ และเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 3
1.4 ระบบน้ำแบบสมาร์ทฟาร์ม
- ใช้ระบบน้ำหยดอัจฉริยะ ควบคุมปริมาณน้ำ 8 ลิตร/ชั่วโมง เพื่อคำนวณอัตราการใช้น้ำ ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพ
- ติดตั้ง Microclimate Modeling System ติดตามความชื้น ดิน อุณหภูมิ และความต้องการน้ำของพืชแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพองุ่นตั้งแต่ต้นทาง ส่งผลให้ได้ไวน์คุณภาพระดับพรีเมียมที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์
- ปรับปริมาณน้ำตามฤดูกาลเพื่อลดการใช้น้ำและพลังงาน
1.5 การดูแลและป้องกันโรค
- ตัดแต่งกิ่ง 2 ครั้ง/ปี เพื่อสุขภาพองุ่นที่แข็งแรง
- ป้องกัน โรคลำต้นเน่า (Trunk Disease) ด้วยเทคนิคเฉพาะ โดยใช้ยากันเชื้อราทาแผลแต่งกิ่งให้เสร็จภายในวันเดียว
- ใช้วิธี Hand Picking (เก็บด้วยมือ) ตอนกลางคืน เพื่อลดอุณหภูมิและรักษาคุณภาพองุ่น
2. การเก็บเกี่ยวผลผลิตและการควบคุมคุณภาพ
2.1 ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว
- เก็บเกี่ยวเฉพาะช่วงกลางคืน (อุณหภูมิ ~15-18°C) เพื่อลดการออกซิไดซ์ของน้ำองุ่น และประหยัดพลังงานทำความเย็น
- ใช้การเก็บด้วยมือ (Hand picking) เพื่อคัดแยกองุ่นที่สมบูรณ์
2.2 การวิเคราะห์คุณภาพองุ่นก่อนเก็บเกี่ยว
- ตรวจสอบค่า Brix (ปริมาณน้ำตาล), pH, และ Total Acidity (TA) ทุก 4 วันก่อนเก็บเกี่ยว
- ทีมไวน์เมกเกอร์ชิมรสชาติขององุ่นก่อนตัดสินใจวันเก็บเกี่ยว
3. แนวทางการพัฒนาคุณภาพไวน์
- ใช้เทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์มควบคุมการปลูกและระบบน้ำ
- วิเคราะห์ดิน-ใบ-ผลผลิตทุกปี และปรับสูตรปุ๋ยตามความต้องการของพืช
- เลือกเก็บเกี่ยวองุ่นในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้องุ่นคุณภาพสูงสำหรับทำไวน์
GranMonte เป็นตัวอย่างของการพัฒนาอุตสาหกรรมไวน์ไทย ด้วยการใช้ระบบสมาร์ทฟาร์มควบคุมปัจจัยต่างๆ อย่างแม่นยำ ตั้งแต่การเลือกสายพันธุ์องุ่น การปลูก การดูแล และการเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ไวน์ไทยก้าวสู่ระดับสากลได้อย่างภาคภูมิ