ประเทศไทยได้รับการขนานนามว่าเป็นราชาแห่งทุเรียน และมีบทบาทสำคัญในตลาดส่งออกทุเรียนโลก โดยมีปริมาณการส่งออกไม่น้อยกว่า 800,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท ตลาดหลักยังคงเป็นประเทศจีน ซึ่งนำเข้าทุเรียนจากไทยไม่ต่ำกว่า 700,000 ตันต่อปี อย่างไรก็ตาม ปัญหาการคัดแยกทุเรียนอ่อนและการตรวจสอบหนอนเจาะทุเรียนยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข
การพัฒนาเทคโนโลยี CT-Scan เพื่อตรวจสอบคุณภาพทุเรียน
ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA เปิดเผยว่า เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ARDA ได้สนับสนุนทุนวิจัยแก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในการพัฒนาโครงการ การออกแบบเครื่องคัดแยกความอ่อน-แก่ และหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนด้วยเทคนิค CT-Scan ร่วมกับการประมวลผลผ่านโครงข่ายประสาทเทียมเชิงลึก
ปัจจุบัน การคัดแยกทุเรียนอ่อนและแก่ต้องอาศัยการฟังเสียงเคาะ ซึ่งต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ของเกษตรกร แต่ไม่สามารถยืนยันผลได้ 100% ขณะเดียวกัน หนอนเจาะผลทุเรียนเจริญเติบโตภายในผล ทำให้ไม่สามารถตรวจพบได้จากภายนอก การนำเทคโนโลยี CT-Scan ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีความละเอียดสูงมาใช้ร่วมกับระบบ AI ที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ความสุกของทุเรียนและตรวจหาหนอนภายในผลได้อย่างแม่นยำ นับเป็นนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับมาตรฐานการคัดแยกทุเรียนไทยก่อนส่งออกสู่ตลาดโลก
หลักการทำงานของเครื่อง CT-Scan ทุเรียน
รองศาสตราจารย์ ดร.ชาญชัย ทองโสภา จากสาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สำนักวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัย เปิดเผยว่า แนวคิดการพัฒนาเครื่องตรวจสอบทุเรียนด้วย CT-Scan มาจากสมมติฐานที่ว่า เครื่อง CT-Scan ซึ่งใช้วิเคราะห์ร่างกายมนุษย์ที่มีความซับซ้อน ควรสามารถนำมาใช้ตรวจสอบทุเรียนได้เช่นกัน
ทีมวิจัยได้นำเครื่อง CT-Scan ตกรุ่นจากบริษัทเอกชนที่ให้บริการด้านเครื่องมือแพทย์ มาดัดแปลงเป็นเครื่องต้นแบบสำหรับการสแกนทุเรียน ผลการทดลองพบว่าสามารถตรวจสอบความอ่อน-แก่ และการมีอยู่ของหนอนในผลทุเรียนได้อย่างแม่นยำ เครื่องสามารถสร้างภาพสแกนที่มีความละเอียดสูง โดยให้ระยะห่างระหว่างเฟรม 1 ซม. เช่น หากผลทุเรียนยาว 30 ซม. จะได้ภาพทั้งหมด 30 เฟรม ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตลอดทั้งผล
ค่า CT-Numbers ที่ได้จากแต่ละเฟรมจะถูกนำมาประมวลผลด้วย AI ซึ่งได้รับการพัฒนาให้สามารถจำแนกระดับความสุกของทุเรียน รวมถึงตรวจหาหนอนภายในผลได้อย่างแม่นยำ ระบบนี้ยังสามารถช่วยคำนวณระยะเวลาขนส่งที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ การตรวจสอบใช้เวลาเพียง 3 วินาทีต่อผล หรือประมาณ 1,200 ผลต่อชั่วโมง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการคัดแยกทุเรียนให้แก่โรงคัดบรรจุ (ล้ง)
ความคุ้มค่าและการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม
แม้ว่าเครื่อง CT-Scan ทางการแพทย์จะมีราคาสูงถึง 10 ล้านบาท แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว เครื่องรุ่นเก่าที่ถูกปลดระวางสามารถนำมาดัดแปลงให้ใช้งานได้ใหม่ในราคาที่ต่ำลง คาดว่าราคาเครื่องสำหรับใช้งานจริงจะอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ของโรงคัดบรรจุผลไม้
นอกจากทุเรียนแล้ว เครื่อง CT-Scan ที่พัฒนาขึ้นนี้ยังสามารถใช้ตรวจสอบผลไม้ชนิดอื่นได้แทบทุกประเภท ทำให้เกิดโอกาสใหม่ในการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของผลไม้ไทยในตลาดโลก
ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและการแข่งขันในตลาดโลก
ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง กล่าวเพิ่มเติมว่า นวัตกรรม CT-Scan ทุเรียนด้วย AI เป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความได้เปรียบให้กับอุตสาหกรรมทุเรียนไทย ช่วยลดปัญหาการถูกตีกลับสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ ป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศผู้นำเข้า ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณการสั่งซื้อทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ ของไทยในระยะยาว
หากไม่มีการพัฒนาวิธีการตรวจสอบคุณภาพทุเรียนที่มีประสิทธิภาพ ไทยอาจสูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาดส่งออกทุเรียนให้กับประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ซึ่งมีอัตราการเติบโตของการส่งออกทุเรียนเพิ่มขึ้นถึง 7.8 เท่าในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2565 และบางช่วงเวลาสามารถส่งออกได้มากกว่าไทย หรือมาเลเซีย ซึ่งกำลังพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนใหม่ ที่คาดว่าอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของพันธุ์หมอนทองของไทย
การพัฒนาและนำเทคโนโลยี CT-Scan มาใช้ในกระบวนการคัดแยกและตรวจสอบทุเรียนจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยรักษาศักยภาพในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก ตลอดจนช่วยสร้างมาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวด เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านการส่งออกทุเรียนของประเทศต่อไป