กยท. ส่งเสริมชาวสวนยางปลูกกาแฟร่วมยางพารา
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราปรับเปลี่ยนจากการทำสวนยางเชิงเดี่ยว ไปประกอบอาชีพเกษตรกรรมอื่นร่วมยางพารา เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ซึ่ง “กาแฟ” เป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ
ปัจจุบันประเทศไทยต้องนำเข้าเมล็ดกาแฟเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่เพียงพอต่อการบริโภค กยท.จึงมีนโยบายส่งเสริมการปลูกกาแฟ ร่วมกับยางพารา เพื่อทดแทนการนำเข้ากาแฟ และเป็นการเพิ่มรายได้ ให้เกษตรกรชาวสวนยาง เป้าหมายพื้นที่ปลูกกาแฟร่วมยางพาราเนื้อที่ 3,000 ไร่
คุณสมบัติของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ

ขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางกับ กยท.

เป็นเกษตรกรที่มีพื้นที่ปลูกยางไม่น้อยกว่า 2 ไร่ อายุต้นยางไม่น้อยกว่า 1 ปี

เป็นสวนยางที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืนปี 2567 และ ปี 2568

พื้นที่เกษตรกรต้องมีแหล่งน้ำ หรือมีความสามารถในการจัดหาแหล่งน้ำได้
เงื่อนไข

กยท. สนับสนุนเฉพาะค่าพันธุ์กาแฟตามที่จ่ายจริง รายละไม่เกิน 28,000 บาท (ไร่ละ 2,800 บาท ไม่เกิน 10 ไร่/ราย)

เกษตรกรควรเลือกสายพันธุ์กาแฟที่เหมาะสมกับพื้นที่ปลูก และมีตลาดรองรับที่ชัดเจน

ผลการพิจารณา อนุมัติ/ไม่อนุมัติ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่พิจารณาคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ

ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ที่รับเงินสนับสนุนไปแล้ว แต่ไม่ดำเนินตามข้อตกลงของโครงการฯ จะต้องคืนเงินทั้งหมดให้ กยท.

หากเกษตรกรจัดหาต้นพันธุ์กาแฟจากบริษัทผลิตต้นพันธุ์กาแฟโดยตรง ให้จัดทำสัญญาซื้อขายผลผลิตเมล็ดกาแฟกับบริษัทผลิตต้นพันธุ์กาแฟ เพื่อรองรับผลผลิตเมล็ดกาแฟในอนาคต

หากเกษตรกรจัดหาต้นพันธุ์กาแฟจากแปลงเอกชน เกษตรกรต้องหาแหล่งจำหน่ายผลผลิตเมล็ดกาแฟเองในอนาคต

ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องบันทึกข้อมูลผลผลิต รายได้จากการจำหน่ายผลผลิตยาง และการเจริญเติบโตของต้นกาแฟ ผลผลิตเมล็ดกาแฟ (เมื่อได้ผลผลิตแล้วในอนาคต) เพื่อให้พนักงานได้ตรวจสอบยืนยันและเป็นหลักฐานในการรายงานความก้าวหน้าและผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ

สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ ติดต่อ การยางแห่งประเทศไทยในพื้นที่ที่สวนยางตั้งอยู่