ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ณ จังหวัดสงขลา ว่า ขณะนี้ อว. โดยอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคใต้ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) และภาคเอกชน ได้สนับสนุนให้ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเซรั่มน้ำยางพารา (CERB) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พัฒนาเทคโนโลยีการใช้เซรั่มน้ำยางพาราเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและการแพทย์ โดยสามารถสกัดสารชีวภาพที่มีคุณสมบัติสำคัญ เช่น ต้านอัลไซเมอร์ มะเร็ง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และเบาหวาน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากน้ำยางพาราได้มากกว่า 100 เท่า และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทภายในปี 2570
เทคโนโลยีสกัดเซรั่มน้ำยางพารา: สู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพระดับโลก อุตสาหกรรมยางพาราไทยแต่เดิมเน้นการส่งออกในรูปวัตถุดิบต้นน้ำ แต่ CERB ได้ศึกษาคุณสมบัติของเซรั่มน้ำยางพารา ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของน้ำยางถึง 65% และเป็นผลพลอยได้จากการผลิตยาง เพื่อนำมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและเวชภัณฑ์ตามแนวคิดเศรษฐกิจฐานชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) โดยแบ่งออกเป็น 2 แพลตฟอร์มเทคโนโลยี ได้แก่:
- แพลตฟอร์มการสกัดแยกส่วน (Separation-based Technology) – การแยกสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากเซรั่มน้ำยางพารา
- แพลตฟอร์มการย่อยด้วยเอนไซม์ (Digestion-based Technology) – ใช้เอนไซม์เฉพาะเพื่อสกัดสารชีวภาพที่มีมูลค่าสูง
สารชีวภาพที่ได้จากเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมสุขภาพและเครื่องสำอาง เช่น
- Hb-extract – ใช้ในเวชสำอาง ช่วยบำรุงผิว
- Hevea latex oligosaccharides (HLOs) – พรีไบโอติกส์เสริมสุขภาพ คล้าย Human Milk Oligosaccharides (HMO) และมีฤทธิ์ต้านอัลไซเมอร์และมะเร็ง
- Beta-glucan oligosaccharide (BGOs) – กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย และต้านมะเร็ง
- Quebrachitol – ป้องกันโรคกระดูกพรุนและเบาหวาน
- 5’-Methylthioadenosine (MTA) – ต้านมาลาเรีย วัณโรค และมะเร็ง
ลงทุน 100 ล้าน สู่การผลิตระดับอุตสาหกรรม CERB ได้ร่วมมือกับบริษัท อินโนซุส จำกัด ลงทุนกว่า 100 ล้านบาท พัฒนาโรงงานต้นแบบเพื่อรองรับการผลิตสารชีววัตถุจากเซรั่มน้ำยางพาราในระดับอุตสาหกรรม คาดการณ์ว่าโครงการนี้จะสร้างมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยางพาราไทยสู่ตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพและการแพทย์ระดับสากล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำแล้ว โครงการนี้ยังช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางสร้างรายได้ใหม่จากการจำหน่ายเซรั่มน้ำยางพาราสู่โรงงานแปรรูป พร้อมกระตุ้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ อาหารเสริม ยาชีวภาพ และเวชสำอาง ซึ่งมีศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก
ในอนาคต CERB ตั้งเป้าผลักดันการขึ้นทะเบียนสารชีวภาพจากเซรั่มน้ำยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ พร้อมส่งเสริมการจัดตั้งโรงงานผลิตตามมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนจากทรัพยากรยางพาราไทย