ข่าวสาร
F50 โครงสร้างของพืช
29 มกราคม 2568
พืชพูดไม่ได้ แต่สื่อสารผ่านใบ

พืชอาจจะไม่สามารถพูดได้เหมือนสัตว์หรือมนุษย์ แต่มีวิธีการสื่อสารที่น่าสนใจผ่านการปล่อยสารเคมีและการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะใบที่เป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารของพืช
1. การปล่อยสารเคมี (Chemical Signaling) เมื่อพืชเผชิญกับการคุกคามจากศัตรูพืช เช่น แมลง พืชสามารถปล่อยสารเคมีบางชนิดออกมาจากใบ เพื่อเตือนพืชต้นอื่นให้เตรียมพร้อมรับมือ หรือแม้กระทั่งดึงดูดผู้ล่าแมลงที่อาจช่วยลดศัตรูพืชให้พืช
2. การสื่อสารผ่านแสง (Light Signaling) ใบพืชมีความสามารถในการตรวจจับแสงและสื่อสารกับพืชในลักษณะที่ช่วยในการเจริญเติบโต พืชจะปรับตัวตามแสงที่ได้รับ เช่น การเหยียดกิ่งไม้ไปทางแสง หรือการหยุดการเจริญเติบโตเมื่อแสงลดลง
3. การสื่อสารทางไฟฟ้า (Electrical Signaling) พืชยังใช้สัญญาณไฟฟ้าในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ซึ่งจะมีการส่งสัญญาณไฟฟ้าผ่านเซลล์พืชเพื่อแจ้งเตือนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของพืช เช่น เมื่อพืชถูกโจมตีจากแมลงหรือสัตว์
การสื่อสารเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่ใช้คำพูด แต่เป็นการสื่อสารที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพที่ช่วยให้พืชสามารถอยู่รอดและปรับตัวในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

พืชสามารถสื่อสารผ่านการแสดงออกทางใบได้หลายวิธี ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงสถานะต่าง ๆ ของพืชและปฏิกิริยาต่อสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป นี่คือลักษณะการแสดงออกทางใบที่พืชใช้ในการสื่อสาร:
1. การเหี่ยวแห้งหรือหุบใบ เมื่อพืชประสบกับความเครียด เช่น ขาดน้ำ หรือการโจมตีจากศัตรูพืช ใบจะหุบหรือเหี่ยวแห้ง เพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำและป้องกันไม่ให้พืชเสียหายมากขึ้น นอกจากนี้ บางชนิดของพืช เช่น ไมยราบ ผักกะเฉด ก็จะแสดงการหุบใบทันทีเมื่อมีการสัมผัสเป็นการป้องกันตัวเองจากสัตว์ที่อาจมาทำร้าย
2. การเปลี่ยนสีของใบ การเปลี่ยนสีของใบสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของพืชได้ เช่น เมื่อพืชได้รับแสงแดดมากเกินไป ใบอาจมีสีเหลืองหรือสีน้ำตาล ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงการขาดสารอาหารหรือความเครียดที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
3. การปล่อยกลิ่น ใบของพืชบางชนิดสามารถปล่อยกลิ่นหอม หรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เพื่อสื่อสารกับสิ่งแวดล้อม เช่น พืชบางชนิดที่โดนแมลงกินจะปล่อยกลิ่นเพื่อดึงดูดแมลงที่เป็นศัตรูธรรมชาติของศัตรูพืช หรือพืชบางชนิดที่ใช้การปล่อยกลิ่นเพื่อตอบสนองต่อการสัมผัสจากมนุษย์หรือสัตว์
4. การขยับหรือหมุนใบ การขยับหรือหมุนใบเพื่อตอบสนองต่อแสงหรือความร้อน เช่น การเจริญเติบโตเข้าหาแสงอาทิตย์ของทานตะวัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสง การเคลื่อนไหวนี้เป็นวิธีการสื่อสารของพืชในการรับประโยชน์สูงสุดจากแสงแดด
5. การสร้างสารเคมี เมื่อใบพืชถูกทำลายหรือเจอศัตรูพืช พืชบางชนิดจะปล่อยสารเคมี เช่น ฟีนอลหรือทาร์เปอร์น เพื่อทำให้พืชอื่น ๆ รอบข้างรับรู้และเตรียมตัวป้องกันตัวเองจากการโจมตี
การแสดงออกทางใบเหล่านี้เป็นสัญญาณที่พืชใช้เพื่อปรับตัวและป้องกันตัวเองจากการเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อมหรือการคุกคามจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ แม้จะไม่มีเสียงพูด แต่วิธีการเหล่านี้เป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและสำคัญสำหรับการอยู่รอดของพืช

ตัวอย่างการแสดงออกทางใบของพืชที่สามารถสื่อสารผ่านการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
1. ไมยราบ เมื่อถูกสัมผัสหรือมีการสั่นสะเทือน ใบจะหุบตัวลงทันที เพื่อป้องกันการถูกทำลายหรือกัดกินโดยสัตว์ ในกรณีนี้ใบทำหน้าที่เป็นสัญญาณที่ตอบสนองต่อการสัมผัส โดยการหุบใบจะช่วยปกป้องพืชจากศัตรูที่อาจคุกคาม เช่น แมลงหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาจกัดกินใบ
2. ถั่วจะหมุนตามแสง หรือที่เรียกว่า Heliotropism ซึ่งใบจะหันไปหาทิศทางที่มีแสงแดดมากที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสง สำหรับถั่วพฤติกรรมนี้จะเกิดขึ้นในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อให้แน่ใจว่ามีแสงแดดเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต
3. มะนาวบางชนิด เมื่อถูกโจมตีโดยศัตรูพืช เช่น ศัตรูที่กินใบ จะปล่อยสารเคมีออกมาจากใบเพื่อดึงดูดผู้ล่าแมลง เช่น ตัวต่อที่ช่วยป้องกันแมลงที่มาคุกคาม
4. ต้นกุหลาบ เมื่อใบของต้นกุหลาบถูกทำลายหรือถูกโจมตีจากศัตรูพืช พืชสามารถปล่อยกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมาจากใบเพื่อไล่แมลงที่มีแนวโน้มจะมากินหรือทำลายใบเพิ่มเติม อีกทั้งกลิ่นยังสามารถบ่งบอกถึงความเครียดที่พืชกำลังเผชิญอยู่
5. ต้นกล้วย ใบของต้นกล้วยเมื่อได้รับแสงแดดที่มากเกินไปหรือมีอุณหภูมิสูงเกินไป มักจะเริ่มหมองคล้ำหรือมีสีเหลือง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการขาดน้ำหรือความเครียดจากสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสีใบช่วยให้พืชบ่งบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและเตรียมรับมือ

ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพืชใช้การแสดงออกทางใบเพื่อปรับตัวและตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การหุบใบเพื่อป้องกันตัวจากการโจมตี หรือการหมุนใบไปทางแสงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสง นอกจากนี้ พืชยังสามารถปล่อยสารเคมีหรือกลิ่นเพื่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้การแสดงออกของพืชถึงสถานะหรือปัญหาที่พวกมันเผชิญอยู่ โดยการแสดงออกทางใบมักเกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม เช่น แสง, ความชื้น, หรือการถูกโจมตีจากศัตรูพืช ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้จากอาการต่าง ๆ ของใบ ดังนี้
1. ใบเหลือง เมื่อใบของพืชเริ่มมีสีเหลือง อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการขาดสารอาหาร เช่น การขาดธาตุเหล็กหรือไนโตรเจน หรือเกิดจากการระบายน้ำไม่ดีจนรากขาดออกซิเจน อีกสาเหตุหนึ่งอาจเป็นการเจ็บป่วยจากโรคหรือศัตรูพืช
2. ใบหงิกงอ การหงิกงอหรือหดตัวของใบสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การขาดน้ำหรือการรบกวนจากแมลง เช่น เพลี้ยแป้งหรือแมลงปีกแข็งที่ดูดน้ำจากใบ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดจากการตอบสนองต่อสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงที่ใช้
3. ใบไหม้ เมื่อใบมีอาการไหม้หรือมีจุดสีน้ำตาลเกิดขึ้นบนใบ มักเกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดที่แรงเกินไป หรือเกิดจากการได้รับสารเคมีที่มีความเข้มข้นสูง เช่น ปุ๋ยหรือสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืชที่พ่นผิดวิธี
4. ใบเหลืองและแห้ง สัญญาณของใบที่เริ่มแห้งและเหลืองมักจะเกิดจากการขาดน้ำ รากไม่ได้รับน้ำเพียงพอ หรือสภาพดินที่มีการระบายน้ำไม่ดี รวมถึงการขาดสารอาหารที่จำเป็น เช่น ฟอสฟอรัสหรือไนโตรเจน
5. ใบพลิกกลับหรือยุบ อาการใบพลิกกลับหรือยุบมักเกิดจากการขาดน้ำหรือความร้อนสูงเกินไป เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ พืชจะพยายามหดใบให้เล็กที่สุดเพื่อลดการระเหยของน้ำออกจากใบ
6. ใบเขียวและขนาดใหญ่ผิดปกติ ใบที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติและสีเขียวเข้มอาจบ่งบอกถึงการได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เช่น การได้รับไนโตรเจนหรือการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจส่งผลให้ใบดูหนาและเขียวเข้มเกินไป
7. ใบร่วงเร็ว การที่ใบร่วงออกเร็วเกินไปหรือใบมีรอยช้ำสามารถเป็นอาการของการขาดน้ำ, ความเครียดจากสิ่งแวดล้อม, หรือโรคที่ทำให้พืชไม่สามารถรักษาใบไว้ได้
8. การแตกหรือรอยฉีกขาด การที่ใบมีการแตกหรือฉีกขาดอาจเป็นผลมาจากการถูกโจมตีจากแมลงหรือสัตว์ เช่น หนอนเจาะใบ หรือการมีลมแรงในช่วงที่พืชยังไม่แข็งแรงพอ
การแสดงออกทางใบเหล่านี้เป็นการพูด หรือสื่อสารที่พืชใช้เพื่อบ่งบอกถึงปัญหาหรือความเครียดที่พวกมันกำลังเผชิญอยู่ บางครั้งอาการเหล่านี้อาจเกิดจากสาเหตุเดียวกัน แต่ก็สามารถเป็นตัวชี้วัดที่ดีให้เกษตรกรหรือผู้ดูแลพืชในการวินิจฉัยปัญหาและหาทางแก้ไขได้อย่างเหมาะสม


แหล่งที่มา

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำนักหอสมุด ฝ่ายสารสนเทศ
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู