ภาวะโลกร้อน นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ การแปรปรวนของสภาพอากาศ และการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตแล้ว โลกร้อนยังส่งผลกระทบต่อความยาวนานของแต่ละวันบนโลกด้วย

 

โดยปกติแล้วเวลาที่แน่นอนของวัน 1 วัน ก็คือการหมุนรอบตัวเองของโลก 1 รอบ ซึ่งเมื่อเทียบกับนาฬิกาอะตอมกว่า 400 ตัวทั่วทุกมุมโลก จึงเกิดเป็นเวลาที่ถูกต้องแม่นยำตามมาตรฐานสากลในรูปแบบของเวลาเป็นจำนวนชั่วโมง นาที และวินาที ที่บ่งบอกความยาวนานในแต่ละวันบนโลก ซึ่งมักจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากอิทธิพลแรงดึงดูดของดวงจันทร์ต่อมหาสมุทรและพื้นดินของโลก

 

โดยการหมุนของโลกนั้นได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในแก่นโลก การละลายของภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ในยุคน้ำแข็ง รวมทั้งการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกร้อนที่ทำให้การหมุนของโลกเปลี่ยนแปลงไป

 

ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยการประเมิน ผลกระทบของการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกที่มีต่อการหมุนของโลกและความยาวนานของวัน ที่พบว่าในช่วงปี 1900-2000 ความยาวของวันถูกยืดออกไปที่อัตราเร่ง 0.3-1.0 มิลลิวินาทีต่อศตวรรษ และมีอัตราเร่งเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 มิลลิวินาทีต่อศตวรรษภายในปี 2000

 

นอกจากนี้ ยังพบว่าความยาวนานของวันในปัจจุบันนั้นมีแนวโน้มที่คาดว่าจะคงที่ประมาณ 1.0 มิลลิวินาทีต่อศตวรรษด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกจำนวนมหาศาลจะละลายกลายเป็นน้ำ ไหลกระจายจากขั้วโลกออกสู่มหาสมุทรไปยังเส้นศูนย์สูตร ทำให้มีปริมาณน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรมากขึ้น รูปร่างของโลกจึงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยบริเวณขั้วโลกจะแบนขึ้น ในขณะที่บริเวณแนวเส้นศูนย์สูตรนั้นจะนูนขึ้น โลกจึงหมุนรอบตัวเองช้าลง จนส่งผลให้เวลาใน 1 วันยาวนานขึ้น

 

แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงความยาวของวันในระดับมิลลิวินาทีที่มนุษย์อย่างเราแทบจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของมนุษย์ที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในการรับส่งข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต การทำธุรกรรมทางการเงิน หรือแม้แต่การใช้ระบบ GPS นำทาง ซึ่งล้วนต้องอาศัยการบอกเวลาที่มีความแม่นยำทั้งนั้น

 

ดังนั้น หากเรายังปล่อยให้โลกของเรามีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะทำให้โลกหมุนช้าลง จนอัตราความยาวของวันมีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 2.6 มิลลิวินาทีต่อศตวรรษได้ภายในปี 2100 ซึ่งหนึ่งวันที่ยาวนานนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อวิธีการวัดเวลาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันอีกด้วย