“สาหร่ายทุ่น” เป็นสาหร่ายสีน้ำตาล มีลักษณะเด่นที่เป็นพืชลอยน้ำได้ เนื่องจากมีถุงลมที่ทำให้มันลอยอยู่บนผิวน้ำและเคลื่อนที่ไปตามกระแสน้ำ ทำหน้าที่เหมือนป่าใต้ท้องทะเล มีความสำคัญต่อสัตว์ทะเลเป็นอย่างมาก เพราะเป็นทั้งแหล่งอาหาร ที่หลบภัย และที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำวัยอ่อน
สาหร่ายทุ่น มักพบในเขตน้ำทะเลเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เช่น บริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงชายฝั่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสาหร่ายสีน้ำตาลที่สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งปี ในประเทศไทยสามารถพบได้ทั้งชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามัน แต่สาหร่ายทุ่นสกุล Sargassum นั้นก็มีอยู่หลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น Sargassum plagiophyllum
ลักษณะเด่นของสาหร่ายทุ่นก็คือ มีถุงลมขนาดเล็กจำนวนมากเกิดบริเวณโคนก้าน ใบมีลักษณะกลม รี บ้างมีหนามแหลมบริเวณปลายยอดถุงลม เป็นโครงสร้างที่ช่วยในการพยุงลำตันให้ลอยในมวลน้ำ ส่วนสืบพันธุ์ (Receptacle) แยกต้นเพศผู้เพศเมีย เพศผู้ลักษณะเป็นแท่งเรียวยาวผิวขรุขระ ส่วนเพศเมียแท่งแบนแผ่กว้างบริเวณปลาย”
นอกจากจะมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลแล้ว สาหร่ายทุ่นสามารถผลิตสารเคมีช่วยลดผลกระทบจากเชื้อไวรัสโรคจุดขาวที่พบระบาดในกุ้งกุลาดำ นอกจากนี้ยังพบสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูง และสามารถนำมาประกอบอาหารได้อีกด้วย ส่วนยอดของสาหร่ายทุ่นนิยมรับประทานกันในภาคใต้ โดยนำมาชุบแป้งทอด ยำ หรือลวกเป็นผักเคียงน้ำพริก
คุณสมบัติเด่น
- มีสารพอลิแซ็กคาไรด์สูง เช่น อัลจิเนต (Alginate) ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นเจลในการผลิตอาหารและเวชภัณฑ์
- มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพสูงและช่วยในการต้านการอักเสบและการเสื่อมของเซลล์
ดูดซับแร่ธาตุได้ดี โดยเฉพาะไอโอดีนและโพแทสเซียม ซึ่งทำให้มีประโยชน์ทางโภชนาการสูง
- เจริญเติบโตได้รวดเร็ว และมีอัตราการขยายพันธุ์สูง ซึ่งทำให้เป็นทรัพยากรที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน
การใช้ประโยชน์
- อุตสาหกรรมอาหาร: สาหร่ายทุ่นถูกนำมาใช้ในรูปของวัตถุเจือปนในอาหาร เช่น สารอัลจิเนต ซึ่งใช้ในการผลิตไอศกรีม เจลลี่ และอาหารที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ
- อุตสาหกรรมการเกษตร: ใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพที่มีแร่ธาตุสูง และมีสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช
- อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง: สารสกัดจากสาหร่ายทุ่นมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและเพิ่มความชุ่มชื้น จึงนิยมใช้ในครีมบำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
- การบำบัดน้ำเสีย: สาหร่ายทุ่นสามารถดูดซับโลหะหนักในน้ำเสียได้ดี จึงนำมาใช้ในการบำบัดน้ำและรักษาคุณภาพของน้ำในพื้นที่ชายฝั่ง
ที่มา:
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=138172487895486&id=107348507644551&set=a.114721976907204
https://researchcafe.org/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB.../...
http://202.29.147.55/th/images/D2/budget/outline63/2-11.pdf
ทั้งนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับสาหร่ายทุ่นและคุณสมบัติของมัน สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากแหล่งข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและชีวเคมี รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสาหร่ายทะเลในวารสารวิชาการ เช่น:
McHugh, D. J. (2003). "A Guide to the Seaweed Industry." FAO Fisheries Technical Paper. [องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)]. หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงการใช้สาหร่ายในอุตสาหกรรมอาหารและประโยชน์ของสารพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายสีน้ำตาล
1. Zubia, M., Payri, C. E., Deslandes, E. (2008). "Alginate and Arginate-rich Marine Macroalgae from French Polynesia." Journal of Applied Phycology, 20, 1033-1041. งานวิจัยนี้เน้นการศึกษาสารอัลจิเนตจากสาหร่ายสีน้ำตาล ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง
2. Ganesan, K., Kumar, C. S., Rao, P. S. (2011). "Seaweed Nutritional Value and Medicinal Utilization." Advances in Food and Nutrition Research, 64, 121-131. งานวิจัยนี้ได้กล่าวถึงสาหร่ายทุ่นในแง่โภชนาการ การบำบัดน้ำเสีย และการใช้ในเวชภัณฑ์
3. Chakraborty, S., Bhattacharyya, D., & Sen, S. K. (2014). "Seaweed Biofertilizers in Agriculture and Soil Fertility Management." Springer. หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงการใช้สาหร่ายทุ่นเป็นปุ๋ยชีวภาพสำหรับการเกษตร
4. Sargassum as a potential bioresource for sustainable development. (2021). Frontiers in Marine Science. บทความรีวิวนี้ครอบคลุมการใช้ประโยชน์ของสาหร่ายทุ่นในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น การบำบัดน้ำเสียและการผลิตพลังงานทางเลือก
อ้างอิงภาพ http://realmetro.com/sargassum/
รวบรวมเนื้อหาและเรียบเรียงโดย
ดวงใจ เข็มแดง นักเอกสารสนเทศ ฝ่ายสารสนเทศ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์