2. เตรียมแปลงปลูก 4×4 ม. ขนาดหลุมปลูก 50x50x50 ซม.เพื่อให้ระบบรากเดินดี รองก้นหลุมขึ้นมาประมาณ 30 ซม. โดยใช้ปุ๋ยคอกผสมประมาณหลุมละ 2 กก. และควรรองก้นหลุมด้วยสารป้องกันหนอนกอกล้วยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ/หลุม และทำแอ่งดินรอบต้นเพื่อเก็บน้ำรักษาความชื้นของดิน ปลูกเสร็จให้น้ำตามทันที

3. เดือนแรกต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และดินต้องชุ่มชื้นเพียงพอ หากเป็นการให้น้ำแบบฝอยหรือมินิสปริงเกลอร์ จะทำให้ต้นตั้งตัวได้เร็ว สร้างใบและลำต้นใหม่ได้ดี โอกาสรอดสูงกว่าการลากสายยางรดน้ำ

4. เริ่มให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 100-150 กิโลกรัม/ต้น หลังปลูกได้ 1 เดือนและเดือนที่ 2 ส่วนเดือนที่ 3 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแทน ใช้อัตราการใส่ปุ๋ย 1 กิโลกรัม ต้น/ปี แบ่งใส่ 3 เดือนครั้ง ครั้งละ 250 กรัม ช่วงนี้ต้องระวังเรื่องวัชพืช ควรถากหญ้าบริเวณโคนต้นให้หมด

5. เดือนที่ 4 การเจริญเติบโตเร็วมาก ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 100-150 ก. ต่อต้นในเดือนที่ 4 และ 5 ส่วนเดือนที่ 6 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแทนและงดใส่ปุ๋ยจนกว่าจะแทงปลี ถึงจะใส่ปุ๋ยเคมีอีกครั้ง จนกระทั่งหลังเก็บเกี่ยวถึงจะเริ่มให้ปุ๋ยในรอบใหม่

6. เดือนที่ 6 หรือ 7 กล้วยเริ่มแทงหน่อ และสะสมอาหารเพื่อการตกเครือ

7. เดือนที่ 9 กล้วยเริ่มแทงปลี หากต้นพันธุ์มีขนาดความสูง 15 ซม.ขึ้นไป หรือมีเส้นรอบวงต้นมากกว่า 4 ซม. การตกเครือใกล้เคียงกับหน่อพันธุ์ ขนาด 1 ม. หากต้นมีขนาดใหญ่กว่านี้ การตกเครือจะเร็วกว่าหน่อพันธุ์ และหากเล็กกว่านี้การตกเครือจะช้ากว่าหน่อพันธุ์ อายุเครือกล้วยจากการแทงปลีจนกระทั่งเก็บเกี่ยวมีอายุประมาณ 4 เดือน เท่ากับหน่อพันธุ์กล้วยน้ำว้าทั่วไป

8. การตัดปลีกล้วย เมื่อปลีกล้วยแทงเครือออก ให้ตัดจากหวีสุดท้าย แล้วนับไปอีก 1 -2 หวี เพื่อจะได้ไว้ใช้จับตอนตัดเครือกล้วย และใช้ปูนแดงหรือยากันราทา เพื่อป้องกันการเน่า