ข่าวสาร
F01 การผลิตพืช
9 สิงหาคม 2567
ฟื้นรวยด้วยเกษตร ปลูกหญ้าขาย รายได้หลักแสน

อดีตข้าราชการประสบปัญหาหนี้ท่วมเป็นล้าน ตัดสินใจไปขุดทองไต้หวันเคลียร์หนี้ ก่อนเจอทางสว่าง ปลูกหญ้าอาหารสัตว์ รายได้งาม ทางเลือกในการเป็นเกษตรกรนั้นมีหลากหลาย บางคนเลือกปลูกพืชที่ใช้เวลาน้อย ได้เงินเร็ว หรือบางคนเลือกที่จะลดค่าใช้จ่าย บางคนเลือกที่จะเลี้ยงสัตว์ แน่นอนว่า “ค่าใช้จ่าย” สำหรับสัตว์หลัก ๆ ก็คือ “อาหาร”

วันนี้มีโอกาสได้คุยกับ คุณหยก-อรณี สำราญรื่น เจ้าของหยกฟาร์ม ดินแดนหญ้าอาหารสัตว์ ตั้งอยู่ที่บ้านมอดินแดง ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เดิมทีเธอเป็นข้าราชการ ซึ่งตอนนั้นทำงานอยู่หลายปี ปรากฏว่า “เงินไม่พอใช้” และมีหนี้สินอยู่มากมายเป็นล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้สินของทางครอบครัว จึงตัดสินใจลาออกจากราชการเพื่อไปแสวงโชคที่ต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายจะนำเงินมาใช้หนี้

“ตอนรับราชการ จำได้เลยว่าเงินเดือนบรรจุครั้งแรกในปี 2539 คือ 4,900 บาท และก่อนจะลาออกในปี 2545 ได้เงินประมาณ 6,000 กว่าบาท” เจ้าของหยกฟาร์ม เผยว่า จากสภาพของครอบครัวเวลานั้น เราไม่มีทางเลือกอะไรมาก อยากที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ อยากจะใช้หนี้ให้หมด ตอนนั้นมีญาติมาชวนไปทำงานที่ไต้หวัน เราจึงตัดสินใจ “ลาออกจากราชการ” เพื่อไปหาเงินใช้หนี้

อรณีเล่าว่า ตอนที่เธออยู่ไต้หวันก็ทำอาชีพเป็นคนโรงงาน ทำงานในส่วนโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ ประจวบเหมาะว่าได้ไปเจอคนไทยที่นั่น ได้เจอหัวหน้าดี ๆ มันก็มีโอกาสให้เก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง และก็กลับมา “ช่วยกันใช้หนี้” เป็นล้านจนหมด

เธอใช้เวลาทำงานอยู่ 6 ปี เซ็นสัญญาไปทำงานไต้หวัน 2 รอบ รอบละ 3 ปี เมื่อใช้หนี้หมดจึงกลับมาไทย โดยกลับมาก็ไม่มีเงินเหลือ โดยเริ่มต้นปลูกหญ้าอาหารสัตว์ ไม่ได้หวังขาย อรณีเล่าต่อว่า หลังจากกลับมาก็มาอยู่ที่บ้าน เห็นพ่อแม่ปลูกหญ้าไว้เป็นอาหารวัวที่ทางครอบครัวเลี้ยงไว้ 2-3 ตัว โดยปลูกหญ้าพันธุ์ “เนเปียร์แคระ” โดยรับมาจากคนในหมู่บ้าน นอกจากนี้คนที่อยู่ใกล้ ๆ กัน เขาเป็นพ่อค้าวัว

“หญ้าที่ปลูกชุดแรกใช้พื้นที่แค่ 2 งาน แต่พอถึงฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งใช้เวลาปลูกเดือนกว่า ๆ เวลานั้นคนเลี้ยงวัวเขามาเห็นว่าเราปลูกหญ้าเขาก็มาขอซื้อ ตอนนั้นถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลย เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า “หญ้า” ก็ขายได้หรือ”

สมัยนั้นยังไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์ก ก็มีการบอกต่อกันแบบ “ปากต่อปาก” จากนั้นก็เริ่มมีคนมาซื้อเยอะขึ้น ปลูกหญ้าไว้ 2 งาน เราขายแค่ 1-2 วันก็หมด จึงเป็นที่มาว่าควรขยายไปเรื่อย ๆ กระทั่งปัจจุบันมีการปลูกหญ้าเพื่อขายเป็นอาหารสัตว์ รวมถึงขายพันธุ์หญ้า เป็นเนื้อที่ 80 ไร่ แบ่งเป็นเนื้อที่ของตัวเอง 40 ไร่ และเช่าอีก 40 ไร่

พันธุ์หญ้าที่เหมาะกับการทำเป็นอาหารสัตว์ สำหรับรายละเอียดการปลูกหญ้านั้น อรณีเผยว่า หญ้าทุกสายพันธุ์สามารถขายได้ 2 แบบ คือ ขายแบบสด กับหญ้าตัดบดทำหญ้าหมัก สิ่งที่เน้นคือ หญ้าบดหมัก โดย 2 สายพันธุ์ที่เหมาะในการตัดหมัก คือ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 กับหญ้าจักรพรรดิ์

โดยตอนขายช่วงแรก ๆ เรายังไม่รู้จักหญ้าบด หญ้าหมัก เราขายแต่แบบสดอย่างเดียว ต่อมากลุ่มที่เกี่ยวพืชอาหารสัตว์ เขามาแนะนำวิธี หาคนมาสอนการทำหญ้าหมักให้ จึงเริ่มทดลองทำและขยายตลาดไปเรื่อย ๆ

“สำหรับสัดส่วนในการปลูก 95% คือ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 กับหญ้าจักรพรรดิ์ ส่วนที่เหลือคือ เนเปียร์แคระ, เนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ และหญ้าหวาน

สำหรับแบบสับบดหมักจะเก็บได้นาน 1-2 เดือน ขายราคากิโลกรัมละ 2 บาท ส่วนหญ้าสดราคาขายขึ้นอยู่กับฤดูกาล หากเป็นช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว กิโลกรัมละ 3 บาท

“หญ้าสดจะราคาดีกว่า รอบตัดเร็วกว่า แต่ข้อเสียคือ หากเข้าฤดูฝนก็จะขายได้น้อย เพราะหญ้าจะเติบโตเร็วในฤดูฝน สวนหรือฟาร์มที่ไหนเขาก็มี เขาจึงซื้อน้อยลง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เป็นช่วงที่คนเลี้ยงสัตว์เขาได้ประหยัดต้นทุน”

สำหรับหน้าฝนของคนปลูกหญ้านั้นจะไม่ค่อยดีมากนัก เพราะการปลูกหญ้าของเราอาศัยน้ำจากโรงงานแป้งมันที่ผ่านการบำบัดด้วยยูเรีย ซึ่งนี่ถือเป็นการประหยัดต้นทุนเรื่องปุ๋ย แต่ในพื้นที่จะมีพวกวัชพืชอื่นรบกวน จึงไม่ค่อยดีนักในหน้าฝน จะส่งผลให้หญ้าอาหารสัตว์ที่ปลูกมีอัตราการตายมากขึ้น ผลผลิตหญ้าที่ปลูกไว้จะไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนฤดูอื่น

เทคนิคการปลูกหญ้าให้ได้ผลผลิตดี อรณีเผยเทคนิคว่า เราใช้น้ำจากการบำบัดยูเรีย ซึ่งยูเรียจะเหมาะมากสำหรับการปลูกพืชที่เน้นใช้ใบ ไม่เน้นหัว เมื่อตัดมันก็งอกใหม่ เหมาะมากกับพืชชนิดนี้ ส่วนการปลูก ต้องเตรียมดินให้ดี มีการไถเพื่อไม่ให้มี “วัชพืช” หลงเหลือเลย ไถให้ร่วนที่สุด พื้นที่บางแห่งมีวัชพืชเยอะ อาจจำเป็นต้องไถถึง 3 รอบ หลังจากเริ่มปลูก ดินต้องชุ่ม เราต้องรีบให้น้ำตาม ส่วนฤดูที่เหมาะสม ในการปลูกคือ ช่วงฤดูหนาว เพราะวัชพืชจะมีน้อย อย่าปลูกฤดูฝน เพราะดินจะแน่น

รายได้หลักแสน อาชีพเกษตรก็รวยได้ เจ้าของหยกฟาร์มเผยว่า รายได้แต่ละเดือนจะไม่เท่ากัน โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนจะได้ผลผลิตน้อยกว่าช่วงอื่น โดยเฉพาะฤดูร้อนจะได้ผลผลิตดี ได้เต็ม ๆ “อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ดีมาก ๆ เพราะสัตว์กินทุกวัน เช้า เย็น ตอนที่เราไม่ได้ทำ เราก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงเราได้นานขนาดนี้ ซึ่งถึงวันนี้ 17 ปีแล้ว”

หลังจากเริ่มมีโซเชียลเน็ตเวิร์กก็มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถขายท่อนพันธุ์ได้มากขึ้น เพราะมีกำไรมากกว่าการขายอาหารสัตว์ แต่อาหารสัตว์จะขายได้ทั้งปี แต่ท่อนพันธุ์ก็จะเป็นช่วง ๆ “ช่วงหลายปีที่ผ่านมาถือว่าขายได้ดีมาก แต่แปลกมากในปีนี้คือ ตลาดในประเทศขายได้น้อยมาก เราจึงส่งขายท่อนพันธุ์ไปที่เมียนมา และลาว โดยเฉพาะก่อนช่วงน้ำท่วมใหญ่ที่ลาวจะขายดีมาก กระทั่งเขาโดนน้ำท่วม ออเดอร์จึงหาย แต่เราก็กลับมาได้ลูกค้าในประเทศ”

โดยรวมรายได้ ยอมรับว่า “ดีพอสมควร” เรียกว่าพออยู่พอกิน เฉลี่ยรายเดือนก็หลักแสนบาท บางเดือนก็ได้มากกว่านี้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ช่วงเวลา “ความโชคดีของเราคือ เราได้แหล่งน้ำที่มียูเรีย ทำให้ประหยัดค่าปุ๋ยไปมาก มีน้ำใช้ตลอดปี จึงเหมาะกับเรา ฉะนั้นการทำเกษตรก็ต้องดูเรื่องความเหมาะสมด้วย เราต้องดูว่าแต่ละพื้นที่เหมาะกับอะไร” สำหรับหญ้าที่ปลูกและนำมาทำอาหารสัตว์ ทั้งสด ทั้งหมัก นั้นมันเหมาะกับสัตว์หลายชนิด ทั้งวัว ควาย ช้าง ตั๊กแตน จิ้งหรีด ปู ปลา


© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู