ข่าวสาร
F01 การผลิตพืช
29 กันยายน 2566
อะโวกาโดในเข่ง ทำรายได้หลักแสน

อะโวกาโดเป็นไม้ผลที่ทำเงินในประเทศไทยเราเพิ่มมาอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่ามาแรงแซงโค้ง ปัจจุบันมีหลากหลายพันธุ์มาก จะแตกต่างกันที่รสชาติ ความหนา และความละเอียดของเนื้อใน อะโวกาโดได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นไม้ผลยืนต้นที่มีใบเขียวตลอดปี

คุณเฉลิมชัย โหบาง หรือคุณเอ๋ ผู้ที่สนใจปลูกอะโวกาโดจนประสบความสำเร็จแห่งซีเคร็ท ฟาร์ม (Secret Farm) เดิมเป็นโปรแกรมเมอร์ ปัจจุบันหันมาปลูกอะโวกาโดเต็มตัว อยู่ที่ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก

“ที่สวนผมชื่อว่า ซีเคร็ท ฟาร์ม อยู่ที่พิษณุโลก การเลือกสายพันธุ์ที่ดีและคุณภาพสูง ขายผลผลิตก็ได้ราคาสูง และด้วยความเอาใจใส่ ตั้งใจปลูก และดูแลเป็นอย่างดี การจัดการสวนที่มีระยะปลูกสวยงาม การกำจัดวัชพืชและการจัดการในฟาร์ม ทำให้ได้ผลผลิตดก อะโวคาโดเป็นผลไม้สุขภาพที่ทุกคนรู้จัก ทำให้มียอดขายทางออนไลน์จากทั่วประเทศ แม้จะอยู่ต่างจังหวัด ปัจจุบันโซเชียลมีเดียย่อตลาดให้ลูกค้าเห็นเราชัดมากขึ้น เสมือนลูกค้าอยู่ใกล้เรา และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือความซื่อสัตย์ ผมคิดว่าอะโวกาโดยังไปได้อีกไกล เพราะยังไม่ล้นตลาด ยังมีการนำเข้าจากประเทศเวียดนาม แต่ถ้าปลูกได้ผลผลิตในบ้านเรา ทำให้ลูกค้าได้กินของที่สดกว่าคุณภาพย่อมดีกว่า”

ที่ฟาร์มนอกจากบริหารจัดการเรื่องสายพันธุ์แล้ว ยังให้ความสำคัญเรื่องเทคนิคการปลูก เดิมทีปลูกลงดิน ต่อมาพัฒนามาปลูกลงเข่ง ก็ได้ผลค่อนข้างดีและปลูกได้มากขึ้น ใช้ระยะห่างแค่ 2×2 เมตรเท่านั้น เพราะการดูแลเรื่องวัชพืชง่ายขึ้น อีกอย่างการง่ายต่อการขนย้าย อีกทั้งการจำกัดเนื้อที่ให้อยู่ในเข่งก็ทำให้ประหยัดปุ๋ย การเลือกซื้อต้นกล้าก็สำคัญ ต้องซื้อจากแหล่งผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ ตรงตามสายพันธุ์ ต้นพันธุ์แข็งแรง ระบบรากเจริญดี

ช่วงที่ผ่านมา เกษตรกรมักพบปัญหาต้นอะโวกาโดตายในช่วงปีแรกหลังปลูก ซึ่งมีสาเหตุหลายอย่าง เช่น ความสมบูรณ์ของต้น โรคที่ติดมากับเมล็ดที่นำมาเพาะ ช่วงที่เวลาปลูก การดูแลต้นหลังปลูก ดังนั้น การปลูกต้นอะโวกาโดให้รอดต้องเริ่มจากการเลือกต้นพันธุ์ที่ปลอดโรค ปลูกในเข่งจะให้ผลผลิตดกมาก ปลูกได้มากขึ้นกว่าปลูกลงดินซึ่งต้องใช้ระยะห่างมากกว่า รายได้จะหมุนเวียนทุกเดือนโดยให้ผลผลิตไม่ตรงกันในแต่ละสายพันธุ์ ทำให้มีผลผลิตส่งขายสร้างรายได้หมุนเวียนได้ดี โดยจะเริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงสิ้นปี

สายพันธุ์ที่ปลูกในฟาร์ม แยกเป็น
สายพันธุ์จากเวียดนาม
- อะโวกาโดสายพันธุ์ 034 (ในไทยไม่พอขาย ส่วนใหญ่นำเข้ากิโลกรัมละ 80-100 บาท) ลักษณะผลยาว ปลายผลป่องออกเล็กน้อยและแทรกด้วยเมล็ด เนื้อผลสีเหลืองสด รสชาติมันเหนียว และเนื้อไม่ติดเปลือก ล่อนง่าย สีผิวเปลือกมีสีเขียวเข้มมันวาว เป็นลักษณะเด่นของสายพันธ์นี้
- อะโวกาโดสายพันธุ์ไร้เมล็ด ผลสุก นิ่มเล็กน้อย กินอร่อย เนื้อในจะคล้าย ๆ พันธุ์ 034 ไม่หวานมาก จะเน้นทางมันมากกว่า เนื้อในจะหนา เพราะไม่มีเมล็ด แต่เปลือกจะหนา ลอกเปลือกออกง่าย
- อะโวกาโดสายพันธุ์เตี้ยเวียดนาม เนื้อผลสีเหลืองสด รสชาติมันเหนียว และเนื้อไม่ติดเปลือก แกะเปลือกออกง่าย สีผิวเปลือกมีสีเขียวเข้มมันวาว ขนาดของลูกใหญ่ปานกลาง

สายพันธุ์ไทย
- อะโวกาโดสายพันธุ์ชมพูสยาม ต้นเกิดจากการเพาะเมล็ด ด้วยรสชาติที่มีความหวาน มัน แต่สีของเนื้อในจะไม่ค่อยจัดเท่าใดนัก ผลใหญ่ เฉลี่ย 2 ผลต่อกิโลกรัม เนื้อเยอะ เมล็ดน้อย ลอกเปลือกออกง่าย
- อะโวกาโดสายพันธุ์จรัสแสง รสชาติจะออกหวานมากกว่าพันธุ์อื่น ลูกใหญ่ รสชาติหวานมัน เหนียว สีเนื้อในเหลืองสด

สายพันธุ์จากอินโดนีเซีย
- อะโวกาโด เรด โกลเด้น สวีท (Red Golden Sweet) เป็นอะโวกาโดที่มีราคาค่อนข้างสูง ราคาขายผลปัจจุบันกิโลละ 270 บาท ต่างประเทศกิโลกรัมละ 1,000 บาท อะโวกาโด เรด โกลเด้น สวีท ตอนนี้กว่า 90% ของพื้นที่ฟาร์มเป็นพันธุ์นี้ เนื่องจากราคาตลาดค่อนข้างสูง กิโลกรัมละ 270 บาท มีจุดเด่นที่สี ให้ผลสีเหลืองทอง สุกแล้วสีแดงสวยงาม สังเกตเรื่องสีผลสุกได้ง่าย เพราะจะเปลี่ยนเป็นสีแดง เป็นพันธุ์ที่ต้นไม่ค่อยใหญ่มาก ลักษณะต้น ยอดจะเป็นสีส้มแดง ใบแก่สีเขียวอ่อน ไม่เขียวเข้มเหมือนสายพันธุ์ทั่ว ๆ ไป ปลูกได้ดีทั้งในเข่งและลงดิน ที่เลือกปลูกพันธ์เรด โกลเด้น สวีท เพราะสีสันสวยงาม สังเกตตอนเก็บผลแก่ง่าย รสชาติหวานมัน เนื้อละเอียดเหนียว ลอกเปลือกออกง่าย ส่วนสายพันธุ์ที่กล่าวมาข้างต้นก็ทยอยเปลี่ยนเป็นพันธุ์ เรด โกลเด้น สวีท แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งพันธุ์อื่น เพียงแต่ลดพื้นที่ปลูกตามตลาดนิยม

ที่กล่าวเรื่องสายพันธุ์มาทั้งหมด เรื่องของรูปทรงจะแตกต่างกันไป แต่รสชาติใกล้เคียงกันทั้งหมด แล้วแต่ความชอบของคนกิน แต่บางสายพันธุ์ก็จะมีจุดเด่นที่สี เช่น เรด โกลเด้น สวีท นอกจากสีของเปลือกแล้วสีของเนื้อในยังสวยอีกด้วย จึงกำลังเป็นต้องการของตลาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งยังไม่แพร่หลายมากนัก สายพันธุ์ส่วนใหญ่จะดกมากทุกสายพันธุ์ ใช้กิ่งพันธุ์เสียบยอด นำลงปลูกในเข่ง ข้อดีคือดก และควบคุมความสูงได้ง่าย และยังควบคุมเรื่องของปุ๋ยและวัชพืชได้ดีอีกด้วย

เคล็ดลับของฟาร์ม ต้นเสียบยอดใส่เข่งที่มีขนาดเล็กลงมาราคาก็จะอยู่ที่ประมาณเข่งละ 20 บาท ก็จะสร้างดอกเร็วใช้เวลาแค่ปีครึ่ง ปีแรกก็ให้ผล 1-2 ลูก ปีที่สองให้ดอกให้ผลตามขนาดต้น แต่ไม่เกินลำต้นที่แบกได้ แต่สามารถย้ายลงเข่งที่มีขนาดใหญ่ได้เลย การที่จะทำให้ต้นเตี้ยแต่ให้ผลผลิตในเข่งได้นาน ๆ นั้น หลังจากเก็บผลแล้วต้องตัดแต่งให้ต้นสั้นลง หลักการแบบเดียวกับปลูกไม้ลงดินทั่วไป

ต้นพันธุ์ที่ใช้ขยายพันธุ์ในฟาร์ม เพื่อจำหน่ายต้นพันธุ์จะเป็นกิ่งเสียบยอด โดยใช้ต้นตอจากการเพาะเมล็ดที่นำเข้ามาจากเวียดนาม โดยจะคัดเมล็ดที่ใหญ่ ๆ จะได้ต้นตอที่ใหญ่ เพราะเมล็ดจากเวียดนามพันธุ์พื้นเมืองเขาจะให้เมล็ดใหญ่มากกว่าของไทย

ถ้าปลูกในเข่งระยะปลูก 2×2 เมตร ถ้าปลูกลงดิน 6×6 เมตร แต่มีข้อดีแตกต่างกันคือ กรณีที่พื้นที่น้อยแนะนำให้ปลูกในเข่ง เพราะทรงพุ่มจะไม่แตกมาก และขนย้ายเข่งได้ง่าย ยังประหยัดปุ๋ยและน้ำอีกด้วย ใช้ดินผสมกับแกลบดิบอัตรา 1 : 1 หรือแกลบ 2 : ดิน 1 ส่วนก็ได้ เราจะปลูกให้รากลอยนิด ๆ เพื่อจะได้เติมดินภายหลังแล้วโคนต้นเขาจะไม่จมมากเกินไป อีกอย่างคือจะเอาฟางคลุมเพื่อกันหญ้าและคุมความชื้นด้วย การเตรียมเข่งจะบุด้วยกระสอบปุ๋ย ซาแรน หรือผ้าปูกันหญ้า แต่ต้องเจาะรูที่ผ้าปูเพื่อระบายน้ำ เอามาบุข้างเข่งทั้งด้านข้างและด้านล่างเพื่อกันไม่ให้ดินไหล ข้อดีของการปลูกในเข่งคือ หญ้าไม่มี เมื่อถอนหมดแล้วหมดเลย โอกาสขึ้นอีกมีน้อยมาก เมื่อใส่ปุ๋ยจะได้ปุ๋ยเต็มที่ รากชนเข่งทำให้มีผลเร็วกว่าการปลูกลงดินปกติ โรคแมลงน้อย หรือย้ายได้สะดวก

การที่เปลี่ยนมาปลูกสายพันธุ์เรด โกลเด้น สวีท ที่เลือกปลูกพันธุ์นี้เพราะราคาดี รสชาติดี สีสันสดใส มีความหวานเมื่อกินผลสด เนื้อละเอียด ด้วยความเด่นของสีที่แตกต่างกันเป็นระยะ เช่น ตอนผลอ่อนจะเป็นสีออกเหลือง ในช่วงกลาง ๆ สีจะออกเหลืองปนแดง ในช่วงเริ่มแก่สีจะออกแดง ถ้าแก่จัดสีจะออกแดงเข้มอมม่วง ความชัดเจนของสีเป็นช่ว งๆ ทำให้ง่ายต่อการเก็บเกี่ยว และยังแตกต่างเรื่องของเนื้อในอีกด้วย จะออกสีเหลืองฟักทอง และมีความหวานกว่าสายพันธุ์อื่น นอกจากนี้ต้นมีสีของผลที่ต่างกันให้ความสวยงามที่ตัดกับใบที่มีสีเขียวอ่อน ยอดจะเป็นสีส้มแดง เป็นทั้งไม้ประดับกินได้ที่น่ามองและน่าปลูกประดับสวน และยังได้ราคาดี คุ้มค่าในการปลูก แต่การปลูกสายพันธุ์อื่นก็ได้ผลดี มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกัน ก็แล้วแต่คนชอบ

การรดน้ำและการดูแล ใช้มินิสปริงเกลอร์หัว 40 ลิตร ให้วันละ 1 ชั่วโมงทุกวัน ให้ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 ช่วงก่อนฤดูมีดอก 3 เดือนจะใส่ 8-24-24 หรือต้นไม้ชนิดไหนที่เราอยากให้ต้นเล็กและมีผลเร็ว ๆ ก็จะใส่ 8-24-24 อย่างเดียวเลย แต่หลัก ๆ แล้วใช้ปุ๋ยคอก

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สวนซีเคร็ทฟาร์ม (Secret Farm) คุณเฉลิมชัย โหบาง หรือคุณเอ๋ Line ID ae.hobang โทร. 08 8791 9699

 


แหล่งที่มา

เทคโนโลยีชาวบ้าน
https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_258770
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู