‘นักวิจัย’ ไบโอเทค สวทช. พัฒนาเทคโนโลยีชุดตรวจ Strip Test สู้ ‘โรคใบด่างมันสำปะหลัง’ เพื่อแก้วิกฤติโรคพืชระบาดที่ชาวไร่มันสำปะหลังทั่วประเทศประสบปัญหาอยู่ แนะหากตรวจเจอแล้วให้ทำลายทิ้งให้หมด ฝังกลบลึก ๆ และเลือกใช้ท่อนพันธุ์ที่ปลอดเชื้อต้านทานโรค
ทีมวิจัยการผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดี และการประยุกต์ใช้ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.อรประไพ คชนันทน์, ดร.แสงสูรย์ เจริญวิไลศิริ และ ดร.ชาญณรงค์ ศรีภิบาล แนะนำเทคโนโลยีชุดตรวจ Strip Test สู้ ‘โรคใบด่างมันสำปะหลัง’ โรคระบาดในไร่มันสำปะหลังที่กำลังประสบปัญหาอยู่ทั่วทุกภูมิภาค
ดร.อรประไพ คชนันทน์ หัวหน้าทีมวิจัยการผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดีและการประยุกต์ใช้ ไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า ‘โรคใบด่างมันสำปะหลัง’ เกิดจากเชื้อไวรัสชนิด Sri Lankan cassava mosaic virus (SLCMV) เป็นโรคอุบัติใหม่ที่พบการแพร่ระบาดในพื้นที่เพาะปลูกในหลายจังหวัดของประเทศไทย โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการนำท่อนพันธุ์ที่เป็นโรคใบด่างมันสำปะหลังมาปลูก
ทีมนักวิจัยฯ ได้พัฒนาชุดตรวจแบบรวดเร็วในรูปแบบ Strip test ที่พกพาไปใช้ในภาคสนาม โดยไม่ต้องเก็บตัวอย่างส่งมาตรวจยังห้องปฏิบัติการ ทราบผลได้ใน 15 นาที และตรวจสอบได้เองโดยไม่ต้องอาศัยผู้ชำนาญการ หรือเครื่องมือวัดอ่านผล เป็นประโยชน์อย่างมากในการตรวจคัดกรอง และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังในประเทศไทย รวมถึงการตรวจหาเชื้อในขั้นตอนต่าง ๆ ของกระบวนการผลิตต้นพันธุ์มันสำปะหลังปลอดเชื้อ
สำหรับชุดตรวจ Strip test มีความแม่นยำร้อยละ 96 ความจำเพาะเจาะจงร้อยละ 100 และความไวร้อยละ 91 ซึ่งได้ผลิตต้นแบบชุดตรวจ Strip test และนำชุดตรวจไปทดสอบการใช้งานจริงกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชน โดยได้มีการจัดฝึกอบรมเรื่อง “การตรวจวินิจฉัย เชื้อ Sri Lankan cassava mosaic virus ในตัวอย่างมันสำปะหลังด้วยชุดตรวจแบบรวดเร็วในรูปแบบ strip test” และส่งมอบชุดตรวจที่พัฒนาขึ้นให้หน่วยงานต่างๆ ไปใช้ประโยชน์ในการตรวจโรคใบด่างมันสำปะหลังแล้วหลายภูมิภาค
สำหรับหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทเอกชนที่มีความต้องการตรวจสอบตัวอย่างจำนวนมาก และต้องการจัดตั้งเป็นศูนย์ตรวจคัดกรองโรคในพื้นที่ ทางทีมวิจัยฯ ยังได้พัฒนาเทคนิคการตรวจกรองไวรัสใบด่างมันสำปะหลังโดยใช้ เทคนิคอิไลซ่า (ELISA) ซึ่งเป็นวิธีการที่มีความถูกต้อง ราคาไม่แพง ชุดตรวจที่พัฒนาขึ้นมีความไว (Sensitivity) ในการตรวจมากกว่าชุดตรวจที่มีการขายในเชิงการค้า และมีราคาถูกกว่าที่นำเข้าจากต่างประเทศ สามารถตรวจกรองโรคใบด่างมันสำปะหลังได้ในทุกขั้นตอนของการผลิตและเพาะปลูกมันสำปะหลัง ปัจจุบันได้มีการจัดตั้งห้องปฏิบัติการอิไลซ่าให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่สนใจจำนวน 6 แห่ง และมีแผนที่จะขยายเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ชุดตรวจที่พัฒนาขึ้นทั้ง 2 รูปแบบ ได้มีการดำเนินการเชิงพาณิชย์ และสาธารณประโยชน์เรียบร้อยแล้ว
นายชวินทร์ ปลื้มเจริญ นักวิชาการฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยี สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) กล่าวว่า ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา โรคใบด่างมันสำปะหลังได้สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นแหล่งที่ส่งออกท่อนพันธุ์ โรคใบด่างฯ ลุกลามและแพร่ระบาดมาถึงจังหวัดยโสธร อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ โดยต้นตอเกิดจากเกษตรกรนำท่อนพันธุ์จากต่างถิ่นเข้ามาในพื้นที่ และไม่ทราบว่าต้นพันธุ์ที่นำมาปลูกนั้นติดโรคใบด่าง นอกจากท่อนพันธุ์ที่ปนเปื้อนเชื้อแล้ว พาหะโรคที่สำคัญอีกชนิด คือ แมลงหวี่ขาว ที่มักมาดูดกินน้ำเลี้ยงจากลำต้น ทำให้การระบาดลุกลามวงกว้าง
ดังนั้นการมีองค์ความรู้และการพัฒนาชุดตรวจโรคใบด่าง ที่ทีมวิจัยไบโอเทค สวทช.พัฒนาขึ้นมา เพื่อนำไปให้เกษตรกรสามารถใช้ตรวจได้ด้วยตัวเกษตรกรเอง และรู้ผลได้รวดเร็วภายใน 15 นาที จะช่วยช่วยลดผลกระทบจากโรคใบด่างลดลงได้ ทั้งนี้ สวทช.เห็นความสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยจัดการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานคัดเลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์พื้นที่ เพื่อใช้จัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์ ยกระดับรายได้ของเกษตรกร
มีการอบรมเกษตรกรภายใต้โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตมันสำปะหลังในระบบอินทรีย์ด้วยกลไกตลาดนำการผลิต แก่กลุ่มเกษตรกร 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ อุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ และอำนาจเจริญ เพื่อขยายผลองค์ความรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับมาตรฐาน สร้างเครือข่ายผู้ผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการดำเนินงานโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับตัวชี้วัดในการถ่ายทอดเทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อยกระดับมาตรฐาน เพิ่มประสิทธิภาพเกษตรปลอดภัย และเชื่อมโยงพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ทั้งกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐท้องถิ่น โดย บริษัท อุบล ไบโอเอทานอล จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นพี่เลี้ยงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โครงการนี้ สวทช. มุ่งเน้นบูรณาการชุดองค์ความรู้ต่าง ๆ เช่น พันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับชุดดิน การจัดการดินและปุ๋ยร่วมกับการจัดการแปลง การเก็บเกี่ยว และแปรรูป การจัดการโรคและแมลง มุ่งเน้นการตรวจติดตาม เฝ้าระวัง ใช้ชุดตรวจไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง ซึ่งช่วงการระบาดของโรคใบด่าง ทีม สวทช.ได้นำชุดตรวจไปอบรมให้เกษตรกร เพื่อนำไปใช้คัดกรองต้นมันสำปะหลังในแปลงได้ทันที ซึ่งชุดตรวจโรคใบด่างจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกษตรกรมั่นใจว่าแปลงมันสำปะหลังของตนเองนั้นจะเป็นแปลงที่ติดโรคใบด่างหรือไม่ และหากพบว่าติดโรคใบด่างก็สามารถถอนทำลายต้นพันธุ์ทิ้ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปยังพื้นที่แปลงปลูกข้างเคียง ลดความเสียหายได้
ส่วน ดร.ชาญณรงค์ ศรีภิบาล หนึ่งในทีมวิจัยที่พัฒนาชุดตรวจ กล่าวถึงขั้นตอนการใช้ชุดตรวจว่า ชุดตรวจ Strip test ใช้งานง่ายเพียง 3 ขั้นตอน คือ
1. นำใบพืชที่ต้องการตรวจมาบดในบัพเฟอร์ที่เตรียมไว้ให้ ขั้นตอนนี้นักวิจัยแนะให้เกษตรกรเก็บส่วนที่เชื้อไวรัสจะสะสมมากสุด คือ ยอดอ่อน จากนั้นแนะนให้บดตัวอย่างให้ละเอียดก่อน
2. จุ่มตัว Strip test ลงไปในน้ำคั้นใบพืชที่บดได้ และ
3. รอ 15 นาทีแล้ว อ่านผลจากแถบสีที่เกิดขึ้นคล้ายกับการตรวจโตวิด-19 ด้วยชุด ATK หากขึ้น 2 ขีด ณ ตำแหน่ง T และ C แสดงว่าตัวอย่างติดโรคใบด่างมันสำปะหลัง หากขึ้น 1 ขีด ณ ตำแหน่ง C แสดงว่าตัวอย่างไม่ติดโรค
สำหรับหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทเอกชนที่มีความเทคโนโลยี สามารถติดต่อทีมวิจัยการผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดีและการประยุกต์ใช้ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. โทร. 0 2564 7000