ดาหลา: จากพืชป่าสู่พืชเศรษฐกิจ
รู้จักดาหลา
ดาหลา หรือ Torch ginger, Ginger flower, Red ginger lily, Torch lily, Wild ginger, Combrang, Bunga kantan, Philippine wax flower
ชื่อวิทยาศาสตร์: Etlingera elatior (Jack) R.M. Smith วงศ์ Zingiberaceae
ถิ่นกำเนิด: มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย นิวกินี ดาหลาเป็นไม้ดอกไม้ประดับในเขตร้อน เป็นไม้ยืนต้นล้มลุก และเป็นพืชท้องถิ่นทางภาคใต้ของประเทศไทย
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น: ลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า เหง้า ซึ่งจะเป็นที่เกิดของหน่อดอก และ หน่อต้น ลำต้นที่เห็นอยู่เหนือดินคือกาบใบที่ซ้อนกันแน่นคล้ายกาบกล้วย เรียกว่าลำต้นเทียม มีสีเขียวเข้ม สูง 2-3 เมตร ใบดาหลามีรูปร่างยาวรี กลางใบกว้างเรียวไปหาปลายใบและฐานใบ เส้นกลางใบเห็นชัดทางด้านล่างของใบ
ดอกดาหลา: เป็นดอกช่อแบบ Head ประกอบด้วยกลีบประดับ มี 2 ขนาด คือ
- กลีบประดับขนาดใหญ่อยู่ส่วนโคน มีความกว้าง 2-3 ซม. เรียงซ้อนกัน 25-30 กลีบ ภายในกลีบประดับขนาดใหญ่ส่วนโคนที่บานออกจะมีดอกขนาดเล็ก ซึ่งเป็นดอกสมบูรณ์เพศอยู่จำนวนมาก
- กลีบประดับขนาดเล็กอยู่ส่วนบนของช่อดอก มีความกว้าง 1 ซม. หุบและเรียงเป็นระดับอัดแน่นประมาณกว่า 300 กลีบ
ก้านช่อดอก: มีลักษณะแข็ง หนา และตรง ดาหลาออกดอกตลอดปี แต่จะให้ดอกมากในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม
การปลูกและการดูแลรักษาดาหลา (กรมวิชาการเกษตร)
- การเตรียมกล้า
1.1 การเพาะเมล็ด ฝักแก่ที่เปลือกเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นเขียวอมน้ำตาล หรือจากสีแดงเป็นแดงอมน้ำตาลและเมล็ดมีสีดำ แกะเมล็ดออกแล้วแช่น้ำ 1 คืน ล้างเมือกสีขาวออกให้หมด นำไปเพาะในดินผสมขุยมะพร้าวและทราย อย่างละเท่า ๆ กัน (อัตราส่วน 1:1:1) หรือขุยมะพร้าวและทราย อัตราส่วน 1:1 ประมาณ 3 เดือน ย้ายลงถุงชำและอีก 6 เดือน ย้ายลงแปลง
1.2 การแยกหน่อ แยกต้นที่มีหน่อ 1 หน่อ และต้นแก่อย่างน้อย 2 ต้น พร้อมเหง้าและรากติดมาด้วย ตัดส่วนของใบและต้นออกให้เหลือต้นอย่างน้อย 50 ซม. อาจชำในถุงก่อนหรือปลูกในแปลงโดยตรงได้
2.การปลูกดาหลา
ดาหลาปลูกได้ทั่วไปในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความชุ่มชื้นสูง น้ำไม่ขัง และมีร่มรำไร
ระยะปลูก 2x3 เมดร ขนาดหลุม 50x50x3 ซม. รองกันหลุมด้วยปุ๋ยคอก ใช้ต้น พันธุ์จำนวน 178 หน่อต่อไร่
- การให้ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 100 กิโลกรัม/ไร่/ปี ใส่ทุก ๆ 3 เดือน และใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 30 กิโลกรัม/ไร่/ปี
- การจัดการวัชพืช ใช้วิธีการตัดด้วยมือหรือเครื่องจักร แต่หลังจาก 2 ปี ต้นโตเต็มที่ทรงพุ่มชิดกัน ก็จะไม่มีวัชพืชขึ้น
- การจัดการศัตรูพืช
- โรคโคนเน่า ใบมีอาการเหี่ยว ที่โคนต้นและรากเน่า ต้องขุดต้นที่เน่าออก แล้วใช้ยาป้องกันกำจัดเชื้อราราด ต้นที่เป็นโรคควรเผา
- หนอนเจาะลำต้น หนอนทำลายโดยเจาะที่ลำต้น ทำให้ต้นตาย ไม่ได้ผลผลิต การป้องกันกำจัดโดยใช้ฟูราดานโรยรอบโคนต้น
- หนอนม้วนใบ หนอนทำลายโดยม้วนใบเข้าหากัน กัดกินใบ การป้องกันกำจัดโดยฉีดพ่นด้วยคาร์บาริล 30 กรัม ละลายน้ำ 20 ลิตร
- การให้น้ำ
การให้น้ำควรดน้ำให้ชุ่มวันละครั้งเมื่อเริ่มปลูก หลังจากตั้งตัวแล้วให้ห่างกันครั้งละ 2-3 วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูแล้ง
- การตัดแต่ง
ควรตัดต้นให้กอโปร่งและหลังจากปลูกได้ 5-6 ปี หน่อจะขึ้นกระจัดกระจายจึงควรรื้อแปลงแล้วปลูกใหม่
- การเก็บเกี่ยว
เก็บเกี่ยวเมื่อกลีบดอกชั้นนอกบาน ควรตัดดอกในช่วงเช้า โดยตัดให้ยาวชิดโคนต้น แล้วแช่น้ำทันที ระวังอย่าให้ดอกทับกันจะทำให้ดอกช้ำ
ชนิด/พันธุ์และการปรับปรุงพันธุ์
พันธุ์ดาหลาหลักที่พบเห็นทั่วไปจะเป็นพันธุ์ดอกสีชมพูและพันธุ์ดอกสีแดง นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงพันธุ์เป็นพันธุ์ลูกผสม ต่าง ๆ
พืชสกุลดาหลา (Etingera) สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มตามลักษณะของก้านดอกคือ
- Achasmas group: กลุ่มดาหลาที่มีก้านดอกสั้น ดอกอยู่ติดพื้นดิน
- Nicolaia group: กลุ่มดาหลาที่มีก้านดอกยาวโผล่พ้นเหนือพื้นดิน ซึ่งมีศักยภาพในการนำมาพัฒนาสายพันธุ์ในเชิงการค้า
ชนิดที่น่าสนใจและใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ในการพัฒนาพันธุ์ดาหลาของศูนย์วิจัยพืชสวนยะลา กรมวิชาการเกษตรในกลุ่มนี้ได้ 5 ชนิดคือ
- 1 ดาหลา กาหลา กะลา (Torch ginger)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Etlingera elatior (Jack) R.M.Sm. ชื่อพ้อง: Alpinia elatior Jack
ลักษณะทั่วไป: เป็นสายพันธุ์ดอกดาหลาที่พบเห็นและมีจำหน่ายทั่วไปในตลาด ออกดอกตลอดปี มีความหลากหลายของสีดอกเช่น ขาว ชมพู แดง มีชนิดและลักษณะฟอร์มดอกที่แตกต่างกันจำนวนมาก ก้านช่อดอกค่อนข้างใหญ่ น้ำหนักค่อนข้างมาก ใบมีสีเขียว ผลมีลักษณะเป็นผลกลุ่ม
2.2 ดาหลากุหลาบสยาม กาหลอ ปุดกะลา (Rose of Siam)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Etlingera corneri ชื่อพ้อง: Etlingera terengganuensis saga. C.K.Lim & G.W.Theseira
ลักษณะทั่วไป: ดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกเรียงซ้อนกันเหมือนกุหลาบ ออกดอกปีละครั้งในเดือนมีนาคม-เมษายน พบในพื้นที่ป่าบาลา-ฮาลา จ.ยะลา และนราธิวาส เป็นดาหลาชนิดที่หายาก
2.3 ดาหลาดำ ดาหลาไฟ ดาหลาแดงป่า หรือดาหลาหอม (Black tulip torch ginger)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Etlingera fulgens (Ridl.) C.K.Lim
ลักษณะทั่วไป: ฟอร์มดอกลักษณะคล้ายถ้วย หลังใบสีม่วงแดง ออกดอกตลอดปี ดอกมีขนาดเล็ก เป็นดาหลาชนิดที่หายาก พบที่คาบสมุทรมลายู และภาคใต้ตอนล่างของไทย ขึ้นตามป่าดิบชื้น ระดับความสูง 200-300 เมตรจากระดับน้ำทะเล
2.4 ดาหลาเหลือง ดาหลาขี้แมว หรือกะลาขี้แมว (Malay rose)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Etlingera maingayi (Baker) R.M.Sm. ชื่อพ้อง: Amomum maingayi (Baker)
ลักษณะทั่วไป: ต้นและดอกมีขนาดเล็ก และมีกลีบดอกสีเหลือง เป็นดาหลาชนิดที่หายาก ออกดอกปีละครั้งในเดือนมีนาคม-เมษายน พบในพื้นที่ป่าบาลา-ฮาลาจ.ยะลา และนราธิวาส
2.5 ดาหลาถ้วย หรือกาหลอ (Malay rose, Pink porcelain ginger)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Etlingera venusta (Ridl.) R.M.Sm. ชื่อพ้อง: Hornstedtia venusta Ridl.
ลักษณะทั่วไป: ดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกสองสี และลำต้นมีขนาดเล็ก เป็นดาหลาชนิดที่หายาก
คณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ทำการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืชดาหลา เป็นพันธุ์แนะนำ เมื่อปี พ.ศ. 2562 มี 4 พันธุ์ดังนี้
- พันธุ์ลูกผสมยะลา 1: ดาหลาลูกผสมสายต้น 8
- พันธุ์ลูกผสมยะลา 2: ดาหลาลูกผสมสายต้น 9
- พันธุ์ลูกผสมยะลา 3: ดาหลาลูกผสมสายต้น 2
- พันธุ์ลูกผสมยะลา 4: ดาหลาลูกผสมสายต้น 3
นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ดาหลาที่ได้จากการคัดเลือกพันธุ์และได้รับการรับรองพันธุ์ โดย สถาบันวิจัยพืชสวน ศูนย์วิจัยพืชสวนตรังมีดังนี้
- ดาหลาพันธุ์ตรัง 1
รวบรวมจากจังหวัดยะลา การแตกกอให้หน่อใหม่ประมาณ 43 หน่อต่อกอต่อปี
ลักษณะเด่น: ลำต้นสีเขียว ใบสีเขียว ช่อดอกสีขาว ให้ผลผลิตเฉลี่ย 39 ดอกต่อกอต่อปี (อายุ 3 ปีหลังปลูก) อายุปักแจกันนาน 7 วัน (เมื่อตัดขณะดอกบาน 30 50 และ 80 เปอร์เซ็นต์)
- ดาหลาพันธุ์ตรัง 2
รวบรวมจากจังหวัดยะลา การแตกกอให้หน่อใหม่ประมาณ 28 หน่อต่อกอต่อปี
ลักษณะเด่น: ลำต้นสีเขียว ใบสีเขียว ช่อดอกสีบานเย็น ให้ผลผลิตเฉลี่ย 40 ดอกต่อกอต่อปี (อายุ 3 ปีหลังปลูก) อายุปักแจกันนาน 8 วัน (เมื่อตัดขณะดอกบาน 30 50 และ 80 เปอร์เซ็นต์ )
- ดาหลาพันธุ์ตรัง 3
รวบรวมจากจังหวัดยะลา การแตกกอให้หน่อใหม่ประมาณ 43 หน่อต่อกอต่อปี
ลักษณะเด่น: ลำต้นสีเขียว ใบสีเขียว ช่อดอกสีแดง ให้ผลผลิตเฉลี่ย 106 ดอกต่อกอต่อปี (อายุ 3 ปีหลังปลูก) อายุปักแจกันนาน 8 วัน (เมื่อตัดขณะดอกบาน 30 แล 50 เปอร์เซ็นต์) และมีอายุปักแจกันนาน 7 วัน (เมื่อตัดขณะดอกบาน 80 เปอร์เซ็นต์)
- ดาหลาพันธุ์ตรัง 4
รวบรวมจากจังหวัดกรุงเทพฯ การแตกกอให้หน่อใหม่ประมาณ 53 หน่อต่อกอต่อปี
ลักษณะเด่น: ลำต้นสีเขียว ใบสีเขียว ช่อดอกสีชมพู ให้ผลผลิตเฉลี่ย 136 ดอกต่อกอต่อปี (อายุ3 ปีหลังปลูก) อายุปักแจกันนาน 13 วัน (เมื่อตัดขณะดอกบาน 30 เปอร์เซ็นต์) และอายุปักแจกันนาน 7-8 วัน (เมื่อตัดขณะดอกบาน 50 และ 80 เปอร์เซ็นต์)
- ดาหลาพันธุ์ตรัง 5
รวบรวมจากจังหวัดกาญจนบุรี การแตกกอให้หน่อใหม่ประมาณ 36 หน่อต่อกอต่อปี
ลักษณะเด่น: ลำต้นสีเขียวปนม่วงแดง ใบสีเขียวปนม่วงแดง ช่อดอกสีแดงเข้ม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 47 ดอกต่อกอต่อปี (อายุ 3 ปีหลังปลูก) อายุปักแจกันนาน14 วัน (เมื่อตัดขณะดอกบาน 30 เปอร์เซ็นต์) อายุปักแจกันนาน 11 วัน (เมื่อตัดขณะดอกบาน 50 เปอร์เซ็นต์)
การขยายพันธุ์
- การแยกหน่อ โดยแยกหน่อที่มีความสูง 60-100 ซม. มีใบ 4-5 ใบ แล้วนำไปชำในถุงพลาสติก 1 เดือน เพื่อให้หน่อแข็งแรง จึงนำไปปลูกนาน 6 เดือนจึงจะออกดอก
- การแยกเหง้า โดยแยกเหง้าที่เกิดใหม่ที่โคนต้น นำไปชำในแปลงเพาะชำ หลังจากปลูกประมาณ 1 ปี จึงจะออกดอก
- การปักชำหน่อแก่ โดยนำไปชำในแปลงเพาะชำให้แตกหน่อใหม่แข็งแรงแล้วค่อยย้ายปลูกลงแปลง
- การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
- การเพาะเมล็ด ใช้เวลานานกว่า 1 เดือนถึงจะงอก และมากกว่า 1 ปี จึงจะออกดอก
ปัจจัยสภาพแวดล้อม
- แสง ดาหลาเจริญเติบโตได้ดีในที่มีแสงแดดรำไร หรือที่ร่มไม้ยืนต้น ถ้าโดนแดดจัดเกินไป สีของกลีบประดับจะจางลง และทำให้ใบไหม้
- ฤดูปลูก สามารถปลูกดาหลาได้ทุกฤดูกาล หากมีน้ำเพียงพอ แต่ฤดูปลูกที่เหมาะสมที่สุด คือ ฤดูฝน
การใช้ประโยชน์
- ไม้ตัดดอก/ ไม้ประดับ ดอกใช้ประดับสถานที่เพื่อความสวยงามหรือใช้ในการจัดสวน
- ประโยชน์ทางอาหาร สามารถนำส่วนต่าง ๆ ของดาหลามาแปรรูปเป็นอาหารได้เช่น
- ดอกดาหลา แปรรูปเป็นน้ำพริกดาหลา โดยแปรรูปเหมือนน้ำพริกปกติ แต่จะผสมกลีบดอกดาหลาเข้าไปด้วย โดยนำมาหั่นก่อนแล้วไปปั่น ใช้เนื้อใช้น้ำด้วย ทำให้มีกลิ่นดอกดาหลา
- ดอกดาหลาชุบแป้งทอด
- หน่อดาหลาใช้แกงเลียง แกงกะทิ
- เหง้าดาหลาใช้ปรุงอาหาร
- ข้าวยำสมุนไพรดอกดาหลา
- เมล็ดดาหลานำไปสกัดน้ำมันได้
- ชาสมุนไพรดาหลา/น้ำสมุนไพรดาหลา
- น้ำดาหลาพร้อมดื่ม
- ไวน์สมุนไพรดาหลา
- ใช้รับประทานเป็นผักสด
นอกจากนี้มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาโดย อาจารย์อาภา วรรณฉวี ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา มีการนำเสนองานวิจัยในปี 2552 เกี่ยวกับวัตถุดิบท้องถิ่นเกี่ยวกับดอกไม้ ผลการวิจัยพบว่ามีดอกไม้ 5 ชนิดที่โดดเด่นคือ ดอกดาหลามีสารต้านอนุมูลอิสระมากสุดถึง 84.72% ตามมาด้วยดอกเข็ม 83.97% กุหลาบมอญ 82.67% เกสรดอกบัว 73.23% และอัญชัน 26.33% เหมาะที่จะนำมาพัฒนาเข้าสู่รูปแบบสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- เส้นใยดาหลาและผลิตภัณฑ์แปรรูป
- ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรรือเสาะ สังกัดสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 กรมวิชาการเกษตร ทำการส่งเสริมและเพิ่มมูลค่า วัสดุเหลือใช้ทางเกษตรของต้นดาหลาโดย การผลิตเส้นใยจากต้นดาหลาแปรรูปเป็นวัตถุดิบในการผลิตผ้าทอเฉพาะตัว มีความเหนียว ทนทาน สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้ในราคาที่สูง
- ผ้าไหมดาหลา จากหนอนไหมดาหลาโดย ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ หนองคายร่วมกับมหาวิยาลัยขอนแก่น คณะเกษตรศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
- ดาริกา ดาวจันอัด. (2563). ดาหลาจากไม้ตัดดอกมาเป็นพืชเส้นใย. น.ส.พ. กสิกร, 93 (3), 6-12.
- (2563). ดาหลาลูกผสมยะลา . น.ส.พ. กสิกร, 93 (5), 6-13.
- ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง. (2562). โรงเรียนเทศบาล 2 (บ้านกาแป๊ะกอตอ) ชูผลิตภัณฑ์เด่นน้ำพริกดาหลาสวรรค์ปลูกกาแฟส่งกลุ่มแม่บ้าน. มติชนบทเทคโนโลยีชาวบ้าน, 31 (700) ,103-105.
- (2554). ขั้นตอนการปฏิบัติในการผลิตดาหลาของกรมวิชาการเกษตร. เอกสารการประชุมเสวนาเรื่อง 52 สัปดาห์ รู้แล้วรวยด้วยนวัตกรรมงานวิจัยเกษตรไทย. 8-9 เม.ย 2554. หน้า 270-277.
- บุปผา มั่นอารมณ์. (2553). ชาสมุนไพรดาหลา หนึ่งในราชินีแห่งวงศ์ไม้งาม ที่ให้ประโยชน์ทั้งเป็นสมุนไพรและพืชอาหาร. เทคโนโลยีชาวบ้าน. 22(473), 90-91.
- (2552). นวัตกรรมจากดอกไม้ ต้านอนุมูลอิสระแบบหวานเย็นกับไอศกรีมดอกไม้ศรีมาลา. นิตยสารสร้างเงิน สร้างงาน. 6(64), 45-46.
- กรวัฒน์ วีนิล. (2555). ผ้าไหมดาหลา นวัตกรรมใหม่ของโลก. นิตยสารสร้างเงินสร้างงาน, 9(100), 66-68.
- สุภาภรณ์ สาชาติ และนนทกร จันทร์แสง. (2560). พันธุ์ดาหลาและการปลูก. เกษตรก้าวหน้า, 30(1), 26-40.
- อทิพัฒน์ บุญเพิ่มราศรี. (2554). ดาหลาพันธุ์ลูกผสม ก้าวสำคัญของการพัฒนาไม้ดอกพื้นเมืองไทยสู่ตลาดโลก. เคหการเกษตร. 35(7), 198, 200, 203-207.
- กรมวิชาการเกษตร. ดาหลายะลา 3. (ออนไลน์). สืบค้นจาก http://doaplant.doa.go.th/RecFront/PlantDetail/442 [31 ตุลาคม 2565]
- Etlingera elatior. (ออนไลน์). สืบค้นจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Etlingera_elatior [31 ตุลาคม 2565]