ข่าวสาร
F30 ปรับปรุงพันธุ์พืช
18 มกราคม 2565
มะละกอส้มตำ 90 พันธุ์ลูกผสม เปอร์เซ็นต์เป็นต้นกะเทยสูง ต้นเตี้ย ทนโรค ผลเรียวยาว เหมาะกับเมนูส้มตำ

ผลมะละกอลูกเรียวยาวเป็นที่ต้องการของตลาด แถมยังขายได้ราคาดีกว่าลูกทรงกลม เกษตรกรต้องลงทุนปลูกถึง 3 ต้น เพื่อจะได้มะละกอให้ผลเรียวยาวสัก 1 ต้น หรือที่เรียกว่า “ต้นกะเทย” เพื่อจำหน่ายให้ได้ราคา นั่นล้วนเป็นที่มาของต้นทุน ค่าแรง ค่าน้ำ ค่าปุ๋ย และเวลารอนานถึง 3 เดือนกว่าจะรู้ผล

ดังนั้น บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด (ประเทศไทย) ผู้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชรายใหญ่ของไทยเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ผู้บริหารจึงเกิดแนวคิดที่จะพัฒนาสายพันธุ์มะละกอเพื่อให้ได้ผลผลิตต้นกะเทยมากที่สุด และเหมาะกับการนำไปทำเมนู 'ส้มตำ' อาหารโปรดของคนไทย ซึ่ง “นายอิสระ วงศ์อินทร์” ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด เผยว่า ประเทศไทยมีการบริโภคมะละกอดิบเป็นจำนวนมาก หากเทียบสัดส่วนจะอยู่ที่ประมาณ 45% ส่วนมะละกอสุก 55% โดยชนิดดิบจะใช้กันอย่างแพร่หลายในเมนู 'ส้มตำ' แต่กระบวนการปลูกก็ถูกจำกัดด้วยธรรมชาติ เกษตรกรต้องปลูก 3 ต้น เพื่อลุ้นให้ได้ต้นมะละกอกะเทย 1 ต้น ซึ่งต้องรอประมาณ 3 เดือน ให้ออกดอกก็จะรู้เพศ ถ้าเป็นตัวเมียจะต้องฟันทิ้ง เพราะถ้าปลูกไปก็ไม่ได้ราคาจากผลมะละกอมีลักษณะกลมตลาดไม่ต้องการ ดังนั้นจึงไม่คุ้มหากจะปลูกต่อต้องเสียทั้งเวลา ค่าแรงงาน และค่าปุ๋ย รวมถึงที่ผ่านมาเกษตรกรจะเผชิญปัญหาโรคไวรัสวงแหวน ไม่มียารักษา ทำให้เกษตรกรต้องหันมาเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่ผ่านมาตัดต่อพันธุกรรม ซึ่งบางประเทศไม่ให้นำเข้าจึงเสียโอกาสเจาะตลาดต่างประเทศ

นักปรับปรุงพันธุ์พืช อย่าง “ละไม ยะปะนัน” จึงคิดพัฒนาสายพันธุ์ที่ต้านทานโรคไวรัสวงแหวน มีเปอร์เซ็นต์เป็นต้นกะเทยสูงถึง 90% ไม่ต้องปลูกถึง 3 ต้น ไม่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรม หรือ GMO และลำต้นไม่สูงมากนักเพื่อสะดวกในการเก็บเกี่ยว โดยใช้เวลาวิจัยเมล็ดพันธุ์นานถึง 15 ปี จากการทดลองปลูกในแปลงสาธิตและห้องแลบ จนได้ผลผลิตเป็นที่น่าใจ ซึ่งกว่าจะเห็นผลในแต่ละรุ่นใช้ระยะเวลาประมาณเกือบ 1 ปี จนกระทั่งเมื่อเดือน มิ.ย. 2561 ได้นำเมล็ดพันธุ์ออกสู่ตลาด ใช้ทุกช่องทางในการสื่อสารให้เกษตรกร และผู้บริโภคได้รู้จัก และนำไปทดลองปลูกเพื่อให้ได้มะละกอส้มตำ 90 ซึ่งเป็นพันธุ์ลูกผสม และเป็นผู้คิดค้นสายพันธุ์นี้เป็นแห่งแรกในโลก ทนสภาพอากาศร้อนและหนาวได้เป็นอย่างดี ปลูกได้ทุกฤดูกาล ทำให้ลดปัญหาเรื่องผลผลิตล้นตลาดลงไปได้

สำหรับมะละกอส้มตำ 90 ผลจะเรียวยาว ปลายผลแหลม คล้ายพันธุ์แขกนวลที่นิยมบริโภคแบบดิบ เปลือกมีสีเขียวสม่ำเสมอ แต่ผลจะเล็กกว่าพันธุ์แขกนวลเล็กน้อย เหมาะกับการนำไปเป็นเมนูส้มตำ เพราะมีความหวานกรอบในตัว ให้เส้นมะละกอที่ยาว ทำให้เมนูส้มตำชวนน่ารับประทานมากขึ้น

“เป็นความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ เพราะแค่เมล็ดเดียวก็ได้มะละกอกะเทยเลย ซึ่งมีผลเรียวยาวตรงตามความต้องการของตลาด แถมยังทนต่อโรคไวรัสวงแหวนศัตรูตัวฉกาจของมะละกอที่ยังไม่มียารักษาหาย จึงลดความเสียหายได้ แถมยังไม่มีจีเอ็มโอ ดังนั้นขายได้อย่างมั่นใจ และยังส่งออกได้อีกด้วย และข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ ต้นไม่สูงชะรูด ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องลมปะทะทำให้ลำต้นหักโค่นง่าย เพราะเป็นพันธุ์เตี้ยสูงประมาณ 1.40-1.50 เมตร ก็เก็บผลผลิตได้สบาย”

ล่าสุด เมล็ดพันธุ์มะละกอส้มตำ 90 ภายใต้แบรนด์ “ศรแดง” จำหน่ายไปแล้วกว่า 10 กก. ซึ่ง 1 กก.จะมีประมาณ 60,000 เมล็ด หรือมีเมล็ดพันธุ์กว่า 6 แสนตันที่ถูกนำไปปลูกทั่วประเทศ ผลผลิตที่ได้รับมากกว่าเดิมประมาณ 80-100 ผล/ต้น และสามารถขายมะละกอได้ทุกผลก็ถือว่าคุ้มค่า

ความคาดหวังของบริษัทฯ ในอนาคต คือ ต้องการนำเมล็ดพันธุ์มะละกอส้มตำ 90 ให้แพร่หลาย และจะพัฒนาเมล็ดพันธุ์ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการนำข้อติชมมาปรับปรุง เช่น สียังไม่เข้ม หรือผลมะละกอยังยาวไม่พอ ซึ่งถือเป็นภาระกิจที่ยังต้องทำต่อไป เพราะมะละกอเป็นพืชที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมะละกอประมาณ 82,500 ไร่ ผลผลิต 1,800 กิโลกรัม/ปี โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 30 ล้านบาท/ปี


แหล่งที่มา

ผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/smes/detail/9620000055925
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู