“กุ้งก้ามกราม” หนึ่งในสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย มีการเพาะเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในพื้นที่ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี กาฬสินธุ์ และเชียงราย ข้อมูลปี 2563 มีฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่ขึ้นทะเบียนกับกรมประมง 7,878 ฟาร์ม

มีผลผลิตออกสู่ตลาดถึงปีละกว่า 32,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 6,883.8 ล้านบาท โดยมีปริมาณการส่งออกประมาณ 4,265 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 529 ล้านบาท

ตลาดหลักในการส่งออกคือเมียนมา ปริมาณ 2,686 ตัน คิดเป็นร้อยละ 62.98 รองลงมาได้แก่สหรัฐอเมริกา ปริมาณ 539 ตัน คิดเป็นร้อยละ 12.63 ตามด้วยจีน ปริมาณ 521 ตัน คิดเป็นร้อยละ 12.21 และมาเลเซีย ปริมาณ 211 ตัน คิดเป็นร้อยละ 4.94

เพื่อยกระดับกุ้งก้ามกรามไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ใช้เป็นใบเบิกทางสำคัญในการเจรจาต่อรองทางการค้า เพิ่มโอกาสในการขยายช่องทางการตลาด เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์กุ้งก้ามกราม กรมประมงจึงมีโครงการจะนำตราสัญลักษณ์ “กุ้งก้ามกรามไทย” มาใช้เป็นเครื่องหมายในการรับรองคุณภาพ การันตีมาตรฐานคุณภาพ และความปลอดภัย เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของคู่ค้าต่างประเทศ

หลังจากจัดให้มีการประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์ (Logo) “กุ้งก้ามกรามไทย (Thai Giant Prawn) สัญลักษณ์แห่งคุณภาพมาตรฐานสากล” จนมีผู้สนใจร่วมส่งผลงานเข้าประกวดมากถึง 273 ราย จนได้ตราสัญลักษณ์ชนะเลิศ อันเป็นผลงานของ นายธานี เหมือนนุช ชาวอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี อายุ 52 ปี และขณะนี้การจะนำตราสัญลักษณ์กุ้งก้ามกรามไปใช้ อยู่ระหว่างการร่างระเบียบการใช้งานของกรมประมง คาดว่าจะสามารถนำไปใช้ได้ภายในเดือนนี้

สำหรับเกษตรกร ผู้ประกอบการที่จะประสงค์นำตราสัญลักษณ์ “กุ้งก้ามกรามไทย (Thai Giant Prawn) สัญลักษณ์แห่งคุณภาพมาตรฐานสากล” ไปใช้ต้องได้รับการอนุญาตจาก กลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด กรมประมง ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 0 2579 6439 หรือ 0 2562 0426