กระเทียมเป็นเครื่องเทศและส่วนประกอบในอาหารสารพัด ถือเป็นของคู่ครัวที่ขาดไม่ได้ อีกทั้งยังนิยมนำกระเทียมใส่ในเนื้อสดเพื่อถนอมอาหาร เช่น ในการทำแหนมเพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่ไม่เป็นอันตรายต่อเชื้อแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารที่เรียกว่า โปรไบโอติกส์ (Probiotics) และยังพบว่า กระเทียมเป็นพนักงานทำความสะอาดเส้นเลือดชั้นเยี่ยม ป้องกันไขมันสะสมในหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
ปัจจุบันมีการใช้กระเทียมเป็นยาสมุนไพรแพร่หลายทั่วโลก สรรพคุณเด่น ๆ ของกระเทียมที่ใช้กัน คือ ลดโคเลสเตอรอล ลดการแข็งตัวของเลือด ลดความดันโลหิต ลดการปวดเกร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รา และไวรัส ต้านมะเร็ง เป็นต้น
การใช้ประโยชน์ทางยาจากกระเทียมนั้น ต้องบดกระเทียมให้ละเอียดเพื่อให้สาร Alliin ในกระเทียมเปลี่ยนเป็นสารออกฤทธิ์ Allicin อย่างเต็มที่ และควรกินทันทีไม่ทิ้งไว้นานเพื่อได้รับโอสถสารที่ดี
ข้อควรระวัง ห้ามกินในผู้ที่มีประวัติแพ้กระเทียม ไม่ควรใช้ขนาดสูงร่วมกับผู้กินยาละลายลิ่มเลือด เช่น วาร์ฟาริน เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยา ผู้ที่ต้องรับการผ่าตัดควรหยุดการกินกระเทียมล่วงหน้า 2 สัปดาห์ และผู้ที่มีแผลกระเพาะอาหารไม่กินกระเทียมตอนท้องว่าง (กรณีรับประทานแบบอาหาร (ขนาดไม่สูง) สามารถใช้ได้ปกติ)
สูตรการทำกระเทียมดอง
ส่วนประกอบ
1. กระเทียม 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
3. เกลือป่น 3 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยครึ่ง
5. น้ำผึ้ง 1 ถ้วยตวง
6. น้ำ 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. ปอกกระเทียม หรือหากกระเทียมที่ใช้เป็นกระเทียมแห้ง ให้แช่น้ำทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงก่อน
2. ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่น้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือป่น และน้ำผึ้งลงไปต้ม คนให้ละลาย จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น
3. นำกระเทียมที่ปอกใส่โหลสะอาด โดยให้เหลือที่ว่างประมาณ 1 นิ้วครึ่ง
4. เติมน้ำดองที่ทำไว้ลงไปในขวดโหล อย่าใส่จนเต็มโหล เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราขึ้นได้
5. ปิดฝาให้สนิท และทิ้งไว้ 1 เดือน เมื่อนำออกมารับประทาน จะได้กระเทียมดองที่มีรสชาติหวานพอดี หรือหากดองไว้ 3 สัปดาห์แล้วนำมารับประทาน รสชาติที่ได้จะติดเผ็ดเล็กน้อย