การจัดการพื้นที่ผิวทรงพุ่มกับการผลิตดอกมะลิลา
มะลิลามีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ประเทศอินเดีย มาจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันกระจายไปทั่วโลก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Jasminum sambac อยู่ใน Family Oleaceae วงศ์เดียวกับมะกอก Olive มีชื่อสามัญว่า Arabian Jasmine ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ถิ่นกำเนิด
จัดเป็นดอกไม้ประจำชาติของฟิลิปปินส์ เรียก Sampaguita เป็น 1 ใน 3 ชนิดของดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย มักใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาพุทธในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ หรือใช้ร้อยมาลัยในการต้อนรับแขกในฟิลิปปินส์ หรืองานมงคลสมรสในอินโดนีเซีย เป็นต้น
ขณะเดียวกัน กลุ่มประเทศอาหรับก็มีความต้องการมะลิมากเช่นกัน ความหอมของดอกมะลิเป็นกลิ่นหนึ่งที่ทุกคนคุ้นเคย และน้อยคนนักที่จะแพ้กลิ่นของมะลิ จึงนิยมปลูกตามบ้านพักอาศัยโดยทั่วไป
ส่วนชื่อเรียกว่ามะลินั้น เป็นกลุ่มของพรรณไม้ที่มีจำนวนสิบกว่าสปีชีส์ด้วยกัน นอกจากมะลิลา/มะลิซ้อน ก็ยังมีมะลิอื่น ๆ อีก เช่น มะลิวัลย์ มะลิพิกุล มะลิงาช้าง ฯลฯ แต่การนำมาใช้ประโยชน์จะอยู่ที่มะลิลา สำหรับประเทศไทยถือเป็นดอกไม้หลักที่ใช้ในพิธีทางศาสนาพุทธมาตลอด
มะลิลา เป็นไม้พุ่ม หรือกึ่งรอเลื้อย (Shrub or liana) พุ่มต้นสูง 1-2 เมตร ใบรูปรี มีใบออกเป็นคู่ใน 1 ข้อ (Opposite) หรืออาจพบมี 3 ใบในข้อเดียวกัน (Whorl) การออกดอก0tเกิดพร้อมกับปลายยอดที่ผลิใหม่ มักพบเป็นช่อดอก 3-12 ดอก ช่อดอกแบบ Corymb ดอกกลางจะมีขนาดใหญ่ที่สุด ไม่มีการติดผล พันธุ์ต่าง ๆจึงเกิดจากการกลายพันธุ์ของตัวเอง (Spontaneous mutation) อาจเป็นการเพิ่มจำนวนชุดของโครโมโซม (Autopolyploidy) เอง ระยะเวลานับจากตาผลิจนเป็นดอกตูมเก็บเกี่ยวได้อยู่ที่ 37 ถึง 42+3 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของฤดูกาลนั้น ๆ ในต่างประเทศมีการจำแนกไว้เป็น 5 พันธุ์ด้วยกัน
- Maids of Orleans
- Belle of India
- Grand Duke of Tuscany
- Mysore Mallige
- Arabian Nights
สำหรับประเทศไทย พันธุ์มะลิลาที่ระบุไว้ เช่น พันธุ์ราษฎร์บูรณะ นิยมปลูกเป็นพันธุ์หลัก แต่ความแตกต่างระหว่างพันธุ์สังเกตได้ยาก ระบบการปลูกมีทั้งแบบร่องสวน หรือแบบที่ดอน เลี้ยงพุ่มสูง ~80 ซม. มีดอกเก็บเกี่ยวตลอดปี
มีการตัดแต่งกิ่งอย่างเบาบางในช่วงฤดูฝน เมื่อหมดฝนมักตัดแต่งกิ่งอย่างหนักให้ต้นสั้นลงมาจนเหลือตอ ทำให้เกิดปัญหาดอกมะลิขาดแคลนในช่วงฤดูหนาว ส่งผลให้ดอกมะลิมีราคาสูงมาก ราคาซื้อขายดอกมะลิในอดีตใช้ปริมาตรต่อลิตร ปัจจุบันใช้ราคาต่อกิโลกรัมเป็นหลัก บางพื้นที่อาจยังมีการใช้ต่อลิตรเช่นเดิม
ความต้องการใช้ดอกมะลิในรอบปี
- วันพระ โดยเฉพาะวันพระใหญ่ (ขึ้น 15 ค่ำ)
- วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ มาฆะบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา/เข้าพรรษา ออกพรรษา
- เทศกาล/ประเพณี ได้แก่ วันสงกรานต์ ลอยกระทง วันขึ้นปีใหม่
- วันแม่แห่งชาติ
จากการออกดอกของมะลินั้น มักเกิดพร้อมกับยอดอ่อนที่ผลิขึ้นมาใหม่ ยอดที่จะมีการออกดอกได้ดีจะเป็นยอดลักษณะสั้น ๆ มีใบ 2-3 คู่ ขณะเดียวกันระยะเวลาจากผลิยอดถึงเก็บเกี่ยวดอกตูม อยู่ที่ 37-43 วัน เมื่อเข้าใจดังนี้ ทำให้สามารถกำหนดช่วงเวลาการเก็บเกี่ยวได้ค่อนข้างแม่นยำ โดยต้องกำหนดให้สามารถเก็บเกี่ยวก่อน 1-3 วัน หากเลยกำหนดแล้วย่อมไม่ได้ราคา
ดังนั้น แนวทางในการจัดการเรื่องของกำหนดเวลาและการเพิ่มผลผลิตอาจต้องดำเนินการพร้อมกันตั้งแต่การเตรียมการปลูกจนถึงเวลาที่พร้อมจะเพิ่มผลผลิต ดังนี้
1. การเตรียมสร้างแปลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวของทรงพุ่มส่วนที่เป็นใบ (Leaf surface area) ในที่นี้จะขอข้ามส่วนของการเตรียมดินไป
- วางแนวแถวให้ขวางตะวัน
- ระยะห่างระหว่างแถว 1.50 เมตร
- เลี้ยงโครงสร้างของต้นให้สูง 1.50 เมตร ส่วนที่เริ่มให้มีใบสูงจากพื้น 50 ซม.
- ควบคุมความหนาของแนวไว้ที่ 50 ซม.
***ผลจากการจัดการแปลงในลักษณะนี้ จะได้พื้นที่ผิวทรงพุ่มดังนี้ (ดูภาพเขียนประกอบ)

ก. ปลูกได้ 26 แปลง/ไร่
ข. พื้นที่ผิวด้านข้าง = 1*40*2 (สูง 1 ม. ยาว 40 ม. มี 2 ด้าน = 80 ตรม.
ค. พื้นที่ผิวด้านบน = 0.5*40 (กว้าง 0.5 ม. ยาว 40 ม.) = 20 ตรม.
ง. พื้นที่ผิวหัวท้าย = 0.5*1*2 (กว้าง 0.5 ม. สูง 1 ม. มี 2 ด้าน) = 1 ตรม.
***ดังนั้นจึงมีพื้นที่ผิวทรงพุ่ม = 101 (80+20+1)*26 แถว = 2,626 ตารางเมตร/ไร่
2. การกำหนดวันเก็บเกี่ยว
- ให้นับย้อนหลังกลับมา 37-43 วันก่อนเริ่มการตัดแต่ง
- ให้ใช้อุปกรณ์ Trimmer ตัดปลายยอดลงมา 2-3 ข้อ การตัดนี้จะกระตุ้นให้เกิดการผลิตตาข้างที่สม่ำเสมอ หากตัดลึกจะได้กิ่งที่เกิดใหม่มีลักษณะเป็นกระโดง ไม่มีดอก
ผลจากการจัดการในลักษณะนี้ สิ่งที่ได้คือ
- ผู้เก็บเกี่ยวสามารถเดินเก็บดอกได้โดยไม่ต้องก้มให้เสียสุขลักษณะ
- พื้นที่ผิวทรงพุ่มเพิ่มขึ้น/ไร่ มะลิเป็นพืชที่ต้องการแดดจัด ทุกส่วนของใบสามารถรับแสงทั่วถึงและเต็มที่
- พื้นที่ผิวทรงพุ่มเพิ่มขึ้น ย่อมสะท้อนถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้น
- สามารถกำหนดวันที่เก็บเกี่ยวได้ค่อนข้างแน่นอน
- เพิ่มประสิทธิภาพของการผลิต
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
รศ.ดร.รวี เสรฐภักดี
ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม
แหล่งที่มา
108 คำถามกับคำถามร้อยแปด" คำถามที่ 74 ของชุดที่ I (I - 74/108) จากเพจ Ravie Sethpakdee
https://web.facebook.com/photo/?fbid=2919181031677803&set=pcb.2919181221677784