ช่วงนี้กระแส "คีโตเจนิคไดเอท (Keto genic Diet)" หรือที่เราเรียกกันว่า "คีโต" กำลังมาแรงมาก ซึ่งการกินคีโตนั้นเป็นหนึ่งในวิธีลดน้ำหนักรูปแบบใหม่ ไม่ส่งผลกระทบหรือส่งผลข้างเคียงกับร่างกายและสุขภาพ เป็นการปรับเปลี่ยนให้ร่างกายเน้นใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก หลัก ๆ เลยการทานคีโตเพื่อลดความอ้วน จะลดการทานคาร์บ หรือคาร์โบไฮเดรต แต่ทดแทนด้วยไขมัน หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่าจะยิ่งทำให้อ้วนหรือไม่ และเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วจริงหรือไม่ลองมาทำความรู้จักกับ "คีโต" กัน
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปกล่าวว่า Keto Diet คือรูปแบบการรับประทานอาหารที่เน้นไขมันเป็นหลัก เพื่อให้ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานหลักแทนคาร์โบไฮเดรตหรือกลูโคส และเพื่อให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมันได้อย่างต่อเนื่อง วิธีนี้สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ และยังได้สุขภาพที่ดีด้วย
การทานอาหารแบบคีโตแทบจะไม่ได้แตกต่างจากเวลาที่เราทานอาหารธรรมดาเท่าไรนัก เพียงแต่ตัดคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลออกไป และเพิ่มไขมันเข้ามาแทน เพื่อให้ร่างกายดึงพลังงานจากไขมันมาใช้ ส่วนสารอาหารประเภทอื่น ๆ อย่างพวกวิตามิน เกลือแร่ โปรตีน ก็ยังคงทานได้ปกติ แต่ถ้าเราทานคาร์โบไฮเดรตพร้อมกับไขมันและสารอาหารอื่น ๆ เหมือนที่เคยทำมา ร่างกายเราก็จะดึงคาร์โบไฮเดรตมาเป็นพลังงานก่อน จนแทบไม่ได้ใช้พลังงานจากไขมันเลย
โดยปกติร่างกายจะเผาผลาญน้ำตาลในเลือดที่ได้จากการย่อยคาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงาน แต่หากปริมาณน้ำตาลในเลือดไม่เพียงพอ ร่างกายจะหันไปเผาผลาญไขมันที่เก็บสะสมไว้ให้กลายเป็นสารคีโตนบอดี้ส์ (Ketone Bodies) และใช้สารชนิดนี้สร้างพลังงานเพื่อนำไปใช้ที่สมองและส่วนต่าง ๆ จนกว่าร่างกายจะได้รับคาร์โบไฮเดรตอีกครั้ง ซึ่งเรียกว่ากระบวนการคีโตซิสนั่นเอง และกระบวนการนี้มักเกิดขึ้นหลังจากจำกัดปริมาณการบริโภคคาร์โบไฮเดรตไปแล้ว 2-4 วัน
สำหรับคีโตเจนิก กินอะไรได้บ้าง
1. เนื้อสัตว์ : ทุกชนิด ติดมันได้, เครื่องใน, ไข่, อาหารทะเล, เบคอน
2. ผัก : ผักใบเขียวทุกชนิด กินได้ไม่ต้องนับคาร์บ (หลีกเลี่ยงผักหัวใต้ดินอย่างแครอทและมันทั้งหลาย, ถั่วฝักยาว, ถั่วแขก, ฟักทอง) มะเขือเทศ, มะเขือยาว, กะหล่ำดอก, บรอคโคลี, แอสพารากัส - มีคาร์บบ้าง นับไว้ปลอดภัยกว่า
3. ไขมัน : น้ำมันมะกอก, น้ำมันมะพร้าว, เนย, น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันแมคคาเดเมีย, กะทิ (น้ำมันพืชใช้ได้เล็กน้อย)
4. ผลิตภัณฑ์นม : ชีสทุกชนิด, เนย (ห้ามมาการีน), ครีมชีส, ครีม, วิปครีม-ทุกอย่าง Full fat
5. ถั่ว : ถั่ว ที่อนุญาตให้ทานคือ ถั่วเมล็ดเดี่ยว (Nuts) เช่น อัลมอนด์ พิชตาชิโอ มะม่วง หิมพานต์ (คาร์บเยอะหน่อย) วอลนัท โดยเฉพาะแมคคาเดเมีย พวกเมล็ดเจีย (Chia seed), เมล็ดฟักทอง, เม็ดแมงลัก, งา
6. เครื่องดื่ม : นมอัลมอนด์, ชา, กาแฟ (ใส่ครีมแทนนม), น้ำโซดา, น้ำมะนาว (ไม่ใส่น้ำตาล ใส่หญ้าหวานแทนถ้าอยากหวาน), น้ำแร่-น้ำเปล่าดีที่สุด
7. ผลไม้ : อะโวคาโด (ไขมันสูง แม้มีคาร์บแต่ส่วนใหญ่คือไฟเบอร์), เนื้อมะพร้าว, มะนาว, เลมอน, มะกอก, เบอรี่ทั้งหลาย (จำกัดปริมาณ)
8. เครื่องปรุง : น้ำส้มสายชูข้าว น้ำส้มสายชู ซอสทาบัสโก วาซาบิแท้ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซอสพริก ผงโกโก้ปราศจากน้ำตาล ผงคาเคา (Cacao) มายองเนส น้ำซุปกระดูก มัสตาร์ด น้ำสลัด หญ้าหวาน อิริทริทอล น้ำตาลหล่อฮั้งก้วย วิปครีม ครีมชีส
"ขณะที่คีโตเจนิกควรเลี่ยงอะไรบ้างนั้น อาหารคีโตควรเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ และน้ำตาลน้อย เพราะต้องจำกัดการรับคาร์โบไฮเดรตปริมาณ 20-50 กรัมต่อวัน อย่างไรก็ตาม การกินคีโตเจนิกไม่ได้เหมาะกับทุกคน อาหารคีโตเจนิกดีสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เบาหวานหรือต้องการปรับปรุงสุขภาพการเผาผลาญ แต่อาจไม่เหมาะสำหรับนักกีฬา หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อหรือน้ำหนัก ส่วนผู้ที่มีปัญหาสุขภาพใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจกินอาหารตามหลักการนี้ เพราะในช่วงแรกของการทานคีโตนั้นร่างกายอาจต้องใช้เวลาปรับสภาพอยู่หลายวัน และจะได้ผลก็ต่อเมื่อคุณมีความสม่ำเสมอในการรับประทาน"