นายวินัย คงยืน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สำหรับในช่วงฤดูหนาวในปีนี้นับว่ามาเร็วและต่อเนื่องกัน ส่งผลให้ต้นลิ้นจี่ นพ.1 ในพื้นที่จังหวัดนครพนม เริ่มที่จะแทงช่อดอกออกมารับลมหนาวเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่มีความหวังและคาดว่าในปีนี้เองลิ้นจี่ นพ.1 จะติดดอกและมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งมีพื้นที่ปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ที่บ้านขามเฒ่า และบ้านนาโดน ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมืองนครพนม สำหรับลิ้นจี่ เป็นผลไม้ที่มีรสหวานกลมกล่อม มีผู้นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย การปลูกลิ้นจี่มีกระจายอยู่ในทั่วทุกภาคของประเทศไทย จังหวัดนครพนมเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการปลูกลิ้นจี่ ซึ่งนิยมปลูก เป็นลิ้นจี่พันธุ์เบา คือ ลิ้นจี่ นพ.1 ซึ่งมีความต้องการอากาศที่หนาวเย็นในการกระตุ้นการออกดอก โดยมีขนาดผลใหญ่ จำนวน 32-36 ผล ต่อกิโลกรัม รสชาติหวานอมเปรี้ยว ไม่มีรสฝาด เนื้อหนา 0.98 เซนติเมตร ความหวาน 18-20 องศาบริกซ์ และให้ผลผลิต 65-180 กิโลกรัม ต่อต้น เมื่ออายุ 8-10 ปี จากสภาพภูมิอากาศที่เริ่มหนาวเย็นในปีนี้ ส่งผลให้ต้นลิ้นจี่เริ่มแทงช่อดอกเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ได้ผลผลิตของลิ้นจี่ นพ.1 ที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด เกษตรกรจะต้องดูแลรักษาบำรุงช่อดอกของต้นลิ้นจี่อย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงด้านผลผลิตที่จะได้รับ คำแนะนำและการปฏิบัติดูแลรักษาต้นลิ้นจี่ นพ. 1 ในช่วงออกดอก เกษตรกรสามารถทำได้ ดังนี้
ระยะดอกบานในช่วงเดือนธันวาคม- มกราคม เกษตรกรควรให้น้ำต้นลิ้นจี่อย่างสม่ำ เสมอ และใช้วัสดุคลุมบริเวณโคนต้น เพื่อช่วยรักษาความชื้นในดิน และควรมีการพ่นปุ๋ยหรือฮอร์โมนทางใบเพื่อช่วยบำรุงช่อดอก และการติดผลที่ดี เช่น ปุ๋ยสูตร 10-45-10 หรือ 10- 52-17 อัตรา 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ถ้าภาย ในสวนมีการนำผึ้งมาเลี้ยงในระยะนี้จะช่วยในการผสมเกสรได้ดีขึ้นและงดการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคแมลงทุกชนิดเพื่อให้แมลงมาช่วยผสมเกสรให้มาก ระยะติดผลอ่อนขนาดเล็ก ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เกษตรกรต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ถ้าต้นลิ้นจี่ขาดน้ำจะทำให้ผลแคระแกร็นและร่วงหล่น และในระยะติดผลที่มีขนาด 5 มิลลิเมตร ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 ประมาณ 1 กิโลกรัมต่อต้น เพื่อบำรุงให้ผลโตสม่ำเสมอ ในระยะผลโตปานกลางใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 อัตรา 1-3 กิโลกรัมต่อต้น ซึ่งระยะนี้
อาจมีการระบาดของหนอนเจาะขั้วผล มวนลำไย ไรกำมะหยี่ ควรฉีดพ่นสารเคมี อย่างต่อเนื่อง เช่น โมโนโครโตฟอส คาร์บาริล ไดโคฟอล ระยะผลกำลังเจริญเติบโต ในช่วง เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ควรมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ พร้อมให้ปุ๋ยทางใบ เพื่อช่วยให้ผลมีความสมบูรณ์มากขึ้น เช่น ปุ๋ยสูตร 10-20-30 อัตรา 20-30 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร และก่อนการเก็บเกี่ยวผลผลิต 30 วัน ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตรตัวท้ายสูง เช่น 13-12-21 เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลให้ดีขึ้น ระยะนี้ผลกำลังเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ กิ่งจะรับน้ำหนักมากขึ้น ควรทำการค้ำกิ่งด้วยไม้ไผ่ เพื่อช่วยพยุงกิ่งไม่ให้ฉีกหักและเมื่อผลเริ่มเปลี่ยนสี จะพบการเข้าทำลายของผีเสื้อมวนหวาน แมลงวันทอง ควรรีบทำการป้องกันกำจัดโดยใช้กับดักเหยื่อพิษและฉีดสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง เช่น คาร์บาริล
ระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต ในช่วงเดือนเมษายน เกษตรกรควรงดให้น้ำก่อนการเก็บเกี่ยวผลผลิต 7-10 วัน เพื่อให้ผลมีคุณภาพดีและใช้กรรไกรตัดช่อผลให้ลึกเข้าไปในทรงพุ่มประมาณ 1 ฟุต จากปลายช่อ ไม่ควรใช้มือหักช่อผลโดยตรงเพราะจะทำให้ปลายกิ่งที่เหลืออยู่เป็นแผลช้ำหรือรอยฉีกขาดเข้าไปในกิ่ง ทำให้การแตกยอดอ่อนใหม่รวมทั้งการแทงช่อดอกในปีต่อไปไม่ดีด้วย และควรทยอยเก็บช่อผลที่แก่เต็มที่แล้วประมาณ 2-3 วันต่อครั้ง จนหมดต้น อย่าให้ ผลแก่จัดตกค้างอยู่บนต้นนานเพราะจะทำให้คุณภาพต่ำลง
หากเกษตรกรปฏิบัติตามคำแนะนำแล้ว จะทำให้ต้นลิ้นจี่มีโอกาสในการติดดอกเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้เกษตรกรจะได้ รับผลผลิตที่คุณภาพและปริมาณผลผลิต ที่เพิ่มขึ้น ตลาดมีความต้องการ อีกทั้งยังช่วยพัฒนาและยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญของจังหวัดนครพนมให้ เป็นที่รู้จักและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับสินค้าเกษตรในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต