แมคคาเดเมีย (Macadamia) ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งถั่ว เนื่องจากเป็นถั่วที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ และโดยเฉพาะไขมันดีอีกด้วย ซึ่งได้รับความนิยมในการรับประทานกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ไม่ว่าจะนำมารับประทานเป็นของว่าง หรือเป็นส่วนประกอบของอาหารประเภทต่าง ๆ ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด ส่งผลให้ราคาซื้อขายค่อนข้างสูง ดังนั้น หากสินค้าแมคคาเดเมียมีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพตามหลักมาตรฐาน และมีจำนวนผลผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ในอนาคตจะสามารถส่งออกตลาดต่างประเทศ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี
นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง การลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตแมคคาเดเมีย พืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจของจังหวัดเลย พร้อมด้วยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี (สศท.3) พบว่า พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอภูเรือ นาแห้ว และด่านซ้าย ซึ่งมีพื้นที่ระดับความสูงกว่าน้ำทะเล 700-900 เมตร สภาพดินร่วนปนทราย อุดมด้วยอินทรียวัตถุ ทำให้แมคคาเดเมียเจริญเติบโตดีที่สุด โดยปี 2563 จังหวัดเลยมีเกษตรกรผู้ปลูกแมคคาเดเมียประมาณ 350 ครัวเรือน มีพื้นที่ปลูกรวมประมาณ 9,124 ไร่
สำหรับสถานการณ์การผลิต พบว่าเกษตรกรจังหวัดเลยนิยมปลูกแมคคาเดเมียหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์เชียงใหม่ 1000 (HAES 508) พันธุ์เชียงใหม่ 400 (HAES 660) พันธุ์เชียงใหม่ 700 (HAES 741) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ผ่านการรับรองจาก กรมวิชาการเกษตร และเป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ระดับความสูงกว่าน้ำทะเล 700 เมตร ขึ้นไป สามารถเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตสูง และมีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งราคาต้นพันธุ์อยู่ที่ 80-150 บาท/ต้น โดยเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 5 และผลผลิตจะออก 2 ช่วง คือ เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม และมิถุนายน - กันยายน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 300-700 กิโลกรัม/ไร่ หรือเฉลี่ย 15-35 กิโลกรัม/ต้น ปัจจุบันต้นแมคคาเดเมียในจังหวัดเลยมีอายุสูงสุด 29 ปี และมีอายุเฉลี่ย 6 ปี
หากมองถึงสถานการณ์ด้านตลาด พบว่า เกษตรกรสามารถจำหน่ายแมคคาเดเมียในรูปของผลแห้ง และแบบแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1) ผลแห้งกะเทาะเปลือกเขียว ราคาเฉลี่ย 70-80 บาท/กิโลกรัม จำหน่ายโดยตรงให้กับกลุ่มวิสาหกิจหรือพ่อค้าคนกลาง เพื่อนำไปแปรรูปและจำหน่ายภายใต้แบรนด์สินค้าของตนเอง 2) ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน ได้แก่ แมคคาเดเมียอบทั้งเปลือก (กะลา) ราคา 400-500 บาท/กิโลกรัม 3) ผลิตภัณฑ์เพื่ออุปโภค ได้แก่ แมคคาเดเมียออยล์ ราคา 2,500-3,500 บาท/ลิตร และสบู่จากถ่านกะลาแมคคาเดเมีย ราคา 80-120 บาท/ก้อน ซึ่งประเภทผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานและอุปโภค เกษตรกรจะจำหน่ายผ่านร้านค้าในสวน ผ่านตัวแทนจำหน่าย และตลาดออนไลน์ อาทิ Shopee, Facebook, Fanpage โดยจำหน่ายภายใต้แบรนด์ ไร่วิมุตติสุขภูเรือ MACLOEI และไร่ลองเลย เป็นต้น สำหรับแนวโน้มตลาดแมคคาเดเมียถือเป็นถั่วที่มีไขมันดีสูง (HDL) ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด ส่งผลให้ราคาซื้อขายค่อนข้างสูง ดังนั้น หากสินค้าแมคคาเดเดียเมียของจังหวัดเลยมีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพตามหลักมาตรฐาน และมีจำนวนผลผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ในอนาคตจะสามารถส่งออกตลาดต่างประเทศ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรและจังหวัดได้เป็นอย่างมาก
ด้านนางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผู้อำนวยการ สศท.3 กล่าวเสริมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์วิจัยพืชสวนเลย กรมวิชาการเกษตร ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกแมคคาเดเมีย ตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบันศูนย์วิจัยพืชสวนเลย มีการผลิตและจำหน่ายต้นพันธุ์แมคคาเดเมียให้กับเกษตรกรผู้สนใจ รวมทั้งให้องค์ความรู้ด้านการปลูก การใช้เทคโนโลยีสำหรับแปรรูป อาทิ เครื่องกะเทาะเปลือกเขียว เครื่องกะเทาะเมล็ด ตู้อบเมล็ด เป็นต้น นอกจากนี้ จังหวัดเลยยังมีการรวมกลุ่มของเกษตรกร อาทิ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านบ่อเหมืองน้อย อำเภอนาแห้ว วิสาหกิจชุมชนไร่ลองเลย อำเภอนาแห้ว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปแมคคาเดเมียภูเรือ ไร่วิมุตติสุข DOAE42 อำเภอภูเรือ เป็นต้น เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงการปลูกและแปรรูปแมคคาเดเมีย ของจังหวัดเลย
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตควรมีการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า การเพิ่มผลผลิต การลดต้นทุน รวมถึงการทำ Zero Waste เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกแมคคาเดเมียเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ เกษตรกรที่สนใจข้อมูลด้านการผลิตแมคคาเดเมีย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย โทร. 0 4203 9891 หรืออีเมล loei-horticulture@hotmail.com