ข่าวสาร
1 ตุลาคม 2563
ส่องฟาร์มปลาดุกหนองคาย โชว์ 'เลี้ยงในบ่อผ้า' ส่งขาย 5 จังหวัด วันละ 5 ตัน

เกษตรกรที่เลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าระบบปิดใน จ.หนองคาย เพิ่มบ่อเลี้ยงปลาดุกจากเดิม 52 บ่อ เป็น 80 บ่อ ให้ผลผลิตสูงสุดวันละ 5 ตัน ส่งขาย 5 จังหวัดในภาคอีสานตอนบน ยังไม่พอกับความต้องการของตลาด ขณะที่หน่วยงานภาครัฐ และ จ.หนองคาย สนับสนุนให้เกษตรกรเข้าไปเป็นเครือข่าย และเรียนรู้เทคโนโลยีมาปรับใช้กับการเลี้ยงปลาของตนเอง เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้

นายกฤช มิคาระเศรษฐ์ เหมะรักษ์ อายุ 40 ปี เจ้าของ "ฟาร์มปลาดุกหนองคาย" เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใบ ที่ ต.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย โดยเลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใบ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เมตร สูง 1.20 เมตร บรรจุน้ำได้ 19.46 ลบ.ม. โดยเริ่มจากการเลี้ยงทั้งหมด 52 บ่อ ในพื้นที่ 18 ไร่ แต่ละบ่อเลี้ยงปลาดุกได้ 10,000-20,000 ตัว ใช้ระยะเวลาเลี้ยงตั้งแต่เริ่มต้นถึงขาย 4 เดือน ให้ผลผลิตบ่อละ 2-3 ตัน ส่งขายใน 5 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบด้วย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร และบึงกาฬ

หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ได้ขยายจำนวนบ่อเลี้ยงเป็น 80 บ่อ สามารถให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 5 ตัน หรือเดือนละประมาณ 150 ตัน จากเดิมที่ผลิตได้วันละ 3 ตัน แต่ยังไม่พอเพียงกับความต้องการของตลาด ที่ประชาชนบริโภคปลาดุกเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เฉพาะใน จ.หนองคาย มีความต้องการบริโภคปลาดุกวันละประมาณ 8 ตัน ส่วนอีก 4 จังหวัดที่เหลือมีความต้องการบริโภคปลาดุกประมาณวันละ 32 ตัน เมื่อรวมทั้ง 5 จังหวัดแล้วพบว่ามีความต้องการบริโภคปลาดุกวันละประมาณ 40 ตัน ซึ่งถือว่าตลาดของปลาดุกยังมีรองรับอีกมาก ขณะที่หน่วยงานภาครัฐ คือกรมประมง โดยสำนักงานประมง จ.หนองคาย และ จ.หนองคาย ได้จัดทำโครงการเพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าไปเป็นเครือข่าย "องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น" และเข้าไปเรียนรู้เทคโนโลยีภายในฟาร์ม เพื่อนำไปปรับใช้กับการเลี้ยงปลาของตนเอง ซึ่งทำให้เกษตรกรสามารถอยู่ในเวทีของการแข่งขันและมีมาตรฐานที่สามารถจะขายปลาที่เลี้ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศได้

นายกฤชกล่าวว่า ฟาร์มปลาดุกหนองคายมีแนวคิดว่าจะเป็นต้นแบบให้กับเกษตรกรยุคเก่า ที่สามารถเปลี่ยนแนวความคิดหรือวิธีการมาเป็นนวัตกรรมและให้เกษตรกรรุ่นใหม่หันมาผลิตโปรตีนในราคาต่ำ เพราะการผลิตหรือเลี้ยงปลาดุกแบบนี้จะตอบโจทย์ในเรื่องของการจัดการที่ง่าย รวมทั้งตอบโจทย์ในเรื่องของผลผลิต ทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงต่ำ เพราะจำนวนผลผลิตมากขึ้น อัตรารอดเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดได้ ไม่มีปัญหาในเรื่องของราคา ซึ่งการผลิตปลาหรือเลี้ยงปลา วิธีการนี้เป็นการผลิตปลาที่สะอาด คือปราศจากสารเคมีและยาปฏิชีวนะ มีการผลิตขายภายในประเทศก่อนที่เหลือก็สามารถส่งออกขายต่างประเทศได้ ซึ่งขณะนี้ความนิยมบริโภคเพิ่มมากขึ้น ตามกระแสสุขภาพ ส่งผลให้ยอดคนที่บริโภคปลาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งฟาร์มปลาดุกหนองคายได้แปรรูปเพื่อส่งเข้าไปยังตลาดโมเดิร์นเทรด

"การจะยกระดับเนื้อปลาดุกที่เลี้ยงให้เป็นข้าวหน้าปลาดุก เช่นเดียวกันที่ตอนนี้มีข้าวหน้าปลาไหลว่า ขณะนี้เนื้อปลาดุกที่เลี้ยงในฟาร์มตอบโจทย์อาหารญี่ปุ่นคือ ด้วยลักษณะและรสชาติของเนื้อปลาสามารถนำไปปรับเปลี่ยนเป็นอาหารญี่ปุ่นแทนข้าวหน้าปลาไหลได้ คือต่อไปจะเป็นข้าวหน้าปลาดุก เนื่องจากมีรสชาติและคุณภาพเดียวกัน ซึ่งทางบริษัทเจริญโภคภัณฑ์และสถาบันอาหารที่มีทีมวิจัยได้นำเนื้อปลาจากฟาร์มไปทดสอบ และทดลองทำอาหารในหลากหลายเมนูแล้ว น่าจะมีข่าวดีในไม่ช้านี้" นายกฤชกล่าว


แหล่งที่มา

มติชน ฉบับวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2563
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู