ข่าวสาร
S30 โรคขาดสารอาหาร
8 มีนาคม 2563
อาหารเป็นยา ป้องกันไวรัสโควิด-19

พี่แวว-แววตา เอกชาวนา นักกำหนดอาหารอิสระ และที่ปรึกษาโครงการกินผักและผลไม้ให้ได้วันละ 400 กรัม จาก สสส. มาให้ข้อเกี่ยวกับบริโภคอาหารกลุ่ม “A E C” เพื่อให้ผู้สูงอายุรับมือกับเชื้อไวรัสดังกล่าวไว้น่าสนใจว่า “การกินอาหารที่หลากหลายและมีประโยชน์ จะช่วยให้ผู้สูงอายุและเด็กมีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งถือเป็นการป้องกันโรคโดยอ้อมทางหนึ่ง หรือแม้แต่หากป่วย ไม่สบาย ก็จะทำให้อาการเจ็บป่วยหายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการรับเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดจนเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ที่ขยายสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งพบในบ้านเราเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ อาหารกลุ่มแรกที่ผู้สูงอายุควรบริโภคเพื่อรับมือกับเชื้อไวรัสต่างๆ มีตั้งแต่กลุ่ม “เบตากลูแคน” ซึ่งจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเพื่อลดการเกิดโรคต่างๆ ที่มีอยู่ในเห็ดทุกชนิด รวมถึงเห็ดหอมแห้งและเห็ดหอมสด ซึ่งถ้าลูกหลานจะปรุงเห็ดหอมแห้งให้ผู้สูงอายุรับประทาน จะแช่น้ำให้นิ่มและหั่นให้ละเอียด
ส่วนอาหารกลุ่มต่อมาคือ “วิตามิน E” ที่มีประโยชน์ในการสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ซึ่งอาหารในกลุ่มของ “วิตามิน E” ได้แก่ น้ำมันชนิดที่ดีซึ่งได้จากเมล็ดเจีย, งาดำ, เมล็ดทานตะวัน, เมล็ดฟักทอง, อะโวคาโด ซึ่งจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดโรคไปด้วยตัว ดังนั้นเวลาที่ผู้สูงอายุรับประทานอาหารในช่วงเฝ้าระวังเชื้อไวรัสต่างๆ นั้น ควรจะโรยงาดำบด, ถั่วบด หรือเมล็ดเจียบดละเอียด ลงบนอาหารที่รับประทาน ก็จะทำให้ได้รับวิตามิน E เพื่อป้องกันโรคไปด้วยในตัว

ขณะที่อาหารกลุ่ม “วิตามิน C” ก็จะมีประโยชน์ในแง่ของการต้านการอักเสบ โดยเฉพาะเวลาที่ร่างกายของผู้สูงอายุได้รับเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ นั้น จะช่วยป้องกันอวัยวะไม่ให้เกิดการอักเสบจากเชื้อโรคที่ร่างกายรับเข้าไป เช่น ปอด, ผิวหนัง ซึ่งอาหารกลุ่มวิตามิน C ช่วยป้องกันได้ ทั้งนี้ อาหารที่มี “วิตามิน C” สูง ได้แก่ ส้ม, กีวี, ฝรั่ง, สตรอว์เบอร์รี ฯลฯ ที่สำคัญการบริโภคผลไม้และผักทุกชนิดต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง ที่สำคัญในช่วงนี้ผู้สูงอายุไม่ควรบริโภคผักดิบ แต่ให้รับประทานผักสุกที่ผ่านความร้อน ก็จะช่วยป้องกันเชื้อโรค ที่เกาะอยู่กับผักสดได้เช่นกัน

นอกจากนี้ อาหารใน “กลุ่มสมุนไพรในครัว” ก็ยังสามารถป้องกันเชื้อโรคและเชื้อไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ได้เช่นกัน เนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น “กระเทียม” ดังนั้นเวลาที่ปรุงอาหารด้วยกระเทียมนั้น ไม่ควรเจียวให้สุกเหลือง แต่เวลาที่ใส่กระเทียมทุบพอแตกลงในกระทะพร้อมกับน้ำมันนั้น ให้รีบใส่เนื้อสัตว์ลงไปทันทีโดยที่กระเทียมทุบยังสดอยู่ เพื่อให้สารสำคัญในกระเทียมได้คลุกเคล้ากับเนื้อสัตว์ที่ผู้สูงอายุรับประทาน ก็จะทำได้รับประโยชน์ในการป้องกันโรค

ที่น่าสนใจนั้นสมุนไพรที่คุ้นเคยกันดีอย่าง “ขิง” ที่แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันไวรัสและเชื้อแบคทีเรียได้ แต่การบริโภคขิงนั้นจะทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี ยกตัวอย่างเวลาที่เราเป็นไข้หวัดธรรมดา ก็จะทำให้ผู้ป่วยหายเร็วยิ่งขึ้น และทำให้หายได้โล่งและสะดวกเช่นเดียวกัน รวมถึง “กะเพรา-ใบโหระพา-ตะไคร้-ข่า” ซึ่งน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในสมุนไพรเหล่านี้จะมีสรรพคุณต้านการอักเสบ ดังนั้นหากช่วงนี้ผู้สูงอายุดื่มน้ำกะเพราแดงต้ม หรือน้ำตะไคร้ใส่น้ำตาลน้อย ที่ยังช่วยแก้อาหารท้องอืดได้ด้วย หรือกินเมนูกะเพราหมูสับแบบสุกๆ ก็จะเป็นกันเชื้อไวรัสได้ทางหนึ่ง ไล่มาถึงการบริโภค “น้ำเปล่า” เพราะการที่ผู้สูงอายุหมั่นจิบน้ำบ่อยๆ วันละ 8-10 แก้วนั้น น้ำเปล่าจะเป็นตัวที่นำวิตามินในอาหารที่เรารับประทานมาทั้งหมดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้นั่นเอง


แหล่งที่มา

นสพ.ไทยโพสต์ออนไลน์
https://www.thaipost.net/main/detail/58783
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู