
หลายคนอาจคิดว่า “ฝนตกแล้วพืชน่าจะสดชื่น” แต่จริง ๆ แล้วหลังฝนตกอุณหภูมิของใบพืชมักสูงขึ้นกว่าปกติ และนั่นอาจเป็นต้นเหตุของความเสียหายที่เรามองไม่เห็น
หลังฝนตก ฝุ่นละอองในอากาศถูกชะล้างออก ทำให้ แสงแดดส่องถึงผิวใบโดยตรงมากขึ้น ส่งผลให้ใบพืชดูดซับความร้อนสูงขึ้นกว่าช่วงปกติ อุณหภูมิบนผิวใบที่ร้อนจัดจะกระทบต่อกระบวนการสำคัญของพืช ได้แก่
🌿 การสังเคราะห์แสง (Photosynthesis)
💨 การหายใจ (Respiration)
💧 การคายน้ำ (Transpiration)
โดยปกติ พืชจะใช้น้ำช่วยระบายความร้อนผ่านกระบวนการคายน้ำ ซึ่งน้ำจะออกทาง ปากใบ (Stomata) แต่เมื่อพืชขาดน้ำ ปากใบจะปิดลงเพื่อลดการสูญเสียน้ำ ส่งผลให้ความร้อนระบายออกได้ยาก ถ้าขาดน้ำต่อเนื่อง พืชจะเริ่ม ทิ้งใบ เพื่อรักษาชีวิตของต้นแม่ไว้ ในสภาพอากาศที่ความชื้นสัมพัทธ์สูง ความร้อนจากแสงอาทิตย์จะระบายได้ช้า ทำให้เกิดอาการตายนึ่งของใบ (Leaf scald) ซึ่งเป็นผลจากความร้อนสะสมภายในใบ ดังนั้น เกษตรกรควรจัดการทรงพุ่มให้โปร่ง เพื่อให้อากาศถ่ายเท และ รักษาความชื้นภายในสวนอย่างต่อเนื่อง เช่น การคลุมโคน การรดน้ำหลังแดดอ่อน หรือการปลูกพืชร่วมเพื่อช่วยบังแดดบางส่วน
🌤️ ฝนที่ตกลงมา ไม่ได้ทำให้พืชเย็นเสมอไป...แต่การจัดการหลังฝนต่างหาก ที่ทำให้พืชอยู่รอดอย่างยั่งยืน
#พืชหลังฝนตก #ความร้อนในใบพืช #การคายน้ำ #ตายนึ่งของใบ #การจัดการทรงพุ่ม #ความชื้นสัมพัทธ์ #เกษตรความรู้
✅ Gardening Tips 🍃
ข้อมูลโดย รศ.ดร.รวี เสรฐภักดี เผยแพร่ทาง ศูนย์วิจัยและพัฒนาไม้ผลเขตร้อน ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรกำแพงแสน
