ข่าวสาร
F01 การผลิตพืช
17 มกราคม 2563
แนะวิธีดูแล มะยงชิด-มะปรางหวาน ช่วงออกผล

หากเอ่ยถึงผลไม้ที่จัดอยู่ในประเภทคนซื้อไม่ค่อยได้กิน และคนกินส่วนใหญ่มักไม่ค่อยได้ซื้อ เป็นของฝากมอบแด่ผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพนับถือ นั่นก็คือ "มะยงชิด" พื้นที่การปลูกมะปรางหรือมะยงชิดที่เหมาะสมนั้น ควรเป็นแหล่งที่มีฤดูฝนสลับฤดูแล้ง (หนาว และร้อน) ที่เด่นชัด เพราะช่วงแล้งจะมีความสำคัญต่อการออกดอกของมะปราง ซึ่งช่วงดังกล่าวจะช่วยให้ต้นมะปรางมีการพักตัวชั่วคราว ชะงักการเจริญเติบโตทางใบและกิ่ง และถ้ามีอุณหภูมิต่ำหรืออากาศเย็นจะช่วยให้มะปรางออกดอกติดผลได้ดียิ่งขึ้น แหล่งปลูกมะปรางที่อาศัยน้ำฝนนั้น ควรเป็นแหล่งที่มีปริมาณน้ำฝนกระจายตัว ตกต้องตามฤดูกาล ส่วนแหล่งที่มีปริมาณฝนตกน้อย ควรเลือกพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ หรือมีน้ำชลประทานเพียงพอ เพราะ ในระยะที่มะปรางแทงช่อดอก และติดผลนั้น (ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม) จะเป็นช่วงที่มีปริมาณฝนตกน้อยมาก

ทั้งนี้ ช่วงดังกล่าวมะปรางต้องการน้ำเพื่อการเจริญเติบโตของผล และถ้ามะปรางขาดน้ำจะมีผลทำให้ผลมะปรางมีขนาดเล็ก ผลร่วง และให้ผลผลิตต่ำกว่าปกติได้ อุณหภูมิเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการแทงช่อดอก การติดผล และระยะเวลาการสุกของผลมะปราง คือ ถ้าอุณหภูมิต่ำและมีช่วงระยะเวลาของอุณหภูมิต่ำนานพอสมควร จะทำให้มะปรางออกดอกและติดผลได้ดีขึ้น และหลังจากมะปรางติดผลแล้ว ถ้าแหล่งปลูกมะปรางมีอุณหภูมิสูงขึ้นเร็ว จะมีผลให้มะปรางแก่หรือสุกเร็วกว่าในแหล่งที่มีอุณหภูมิต่ำ แหล่งปลูกมะปรางที่ให้ได้ผลดีนั้น ควรมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ในช่วง 20-30 องศาเซลเซียส ซึ่งดอกมีลักษณะเป็นช่อ เกิดบริเวณปลายกิ่งแขนงที่อยู่ภายในทรงพุ่มและนอกทรงพุ่ม ช่อดอกยาว 8-15 เซนติเมตร ดอกย่อมมีขนาดเล็ก ประกอบด้วยดอกสมบูรณ์เพศ หรือดอกกะเทยและดอกตัวผู้ เมื่อบานจะมีสีเหลือง ในประเทศไทยดอกมะปรางจะบานช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมของทุกปี

เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม อากาศหนาวเย็นติดต่อกัน 7-10 วัน ยอดของมะปรางจะพัฒนาเป็นตาดอก และจากระยะดอกจนถึงเก็บผลผลิตจะใช้ระยะเวลาเพียง 85-90 วัน ในแต่ละปี มะปรางจะออกดอก 2-3 รุ่น รุ่นแรกจะออกดอกเดือนพฤศจิกายน และเก็บผลผลิตประมาณปลายเดือนมกราคม รุ่นที่สองจะออกดอกช่วงเดือนธันวาคม เก็บผลผลิตช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่ถ้าปีไหนอากาศเย็นนานจะมีรุ่นที่สาม คือดอกจะออกต้นเดือนมกราคม และไปเก็บผลผลิตเดือนมีนาคมหลังจากเริ่มแทงช่อดอกจะต้องดูแลเป็นพิเศษ

ทางดินจะต้องเริ่มให้น้ำ 7 วันครั้ง (ขึ้นอยู่กับความชื้นในสวน) จนกว่าผลอ่อนมะปรางจะมีขนาดเท่าหัวแม่มือ ก็จะเริ่มค่อย ๆ งดน้ำ ในเรื่องสารเคมีจะต้องพ่นสารเคมีในกลุ่มกำจัดโรคและแมลงตั้งแต่ระยะเริ่มแทงช่อดอก ศัตรูที่พบมากที่สุดคือเพลี้ยไฟ และโรคที่สำคัญคือ โรคแอนแทรคโนส ควรจะให้ความสำคัญในการพ่นสารเคมีในช่วงนี้มาก เพราะต้องการควบคุมคุณภาพของผลผลิตให้ได้ และต้องเลือกใช้สารเคมีที่ปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP สารเคมีที่แนะนำให้ในการป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟ เช่น จะพ่นจำนวน 2 ครั้ง เช่น สารอิมิดาคลอพริด ระยะก่อนดอกบาน และหลังดอกโรย ในช่วงดอกบานจะไม่พ่นสารเคมีใด ๆ ทั้งสิ้น


แหล่งที่มา

 เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2563
https://www.dailynews.co.th/
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู