ข่าวสาร
H60 วัชพืช
13 พฤศจิกายน 2562
แบนสารเคมี 3 ชนิด จะมีผลอย่างไร

1.ไกลโฟเสต (Glyphosate) หรือมีชื่อทางการค้าว่า ราวด์อัพ (Roundup) เป็นสารเคมีประเภทดูดซึม จะแสดงผลทำให้วัชพืชตายภายใน 3-4 ชั่วโมง การรับสารชนิดนี้เข้าร่างกายทำให้เกิดอาเจียน คลื่นไส้รุนแรง ชาตามใบหน้า แขน ขา และกล้ามเนื้อกระตุก

2. พาราควอต (Paraquat) เป็นสารกำจัดวัชพืชชนิดสัมผัสตาย ไม่เคลื่อนย้ายไปตามส่วนต่างๆ ของวัชพืช และทำให้วัชพืชเหี่ยวเฉาภายในไม่กี่ชั่วโมงความเป็นพืช ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง อาเจียน เสี่ยงกับสตรีที่ตั้งครรภ์
3. คลอร์ไพรีฟอส (Chlorpyrifos) เป็นสารกำจัดแมลง โดยเข้าทำลายระบบประสาทของแมลงศัตรู ใช้ได้ดีกับการกำจัดเพลี้ยอ่อน พิษของสารชนิดนี้ทำให้เกิดการอาเจียน ท้องเดิน ตาพร่า หายใจลำบาก แน่นอนว่าสารเคมีทุกชนิดหากเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากจะทำให้เสียชีวิตได้


ลองมาฟังข้อคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ดังนี้

นายแพทย์ ดร. สมชัย บวรกิตติ ราชบัณฑิตสำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตสถาน อดีตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินหายใจ สรุปว่าไม่พบรายงานเกี่ยวกับสารกำจัดวัชพืชพาราควอตในสายสะดือของสตรีตั้งครรภ์ระยะใกล้คลอด แต่จะชัดเจนเมื่อคนกินเข้าไป ทำให้เสียชีวิตแน่นอน

ศาสตราจารย์ ดร. รังสิต สุวรรณมัคคา ผู้เชี่ยวชาญด้านวัชพืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ความเห็นว่า สารกำจัดวัชพืชพาราควอต เมื่อไหลไปปนเปื้อนในแม่น้ำลำคลอง อนุภาคของดินขนาดเล็กที่ละลายอยู่ในน้ำจะจับเอาโมเลกุลของสารพาราควอตเอาไว้ แล้วตกตะกอน และสลายตัวภายใน 36-40 วัน โดยจุลินทรีย์และแสงแดด นอกจากนี้ ศ.ดร. รังสิต ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า สารกำจัดวัชพืชยังมีความจำเป็นสำหรับเกษตรกร ดังนั้น ระยะนี้ที่ยังไม่สามารถทำสารกำจัดวัชพืชชนิดอื่นมาทดแทนได้ จำเป็นต้องให้คำแนะนำการใช้อย่างถูกต้องกับเกษตรกรผู้ใช้สารเหล่านี้ ดีกว่าให้แบนสารเคมีวัชพืชทั้ง 2 ชนิด และสารกำจัดแมลงไปพร้อมกัน ทั้ง 3 ชนิด

รองศาสตราจารย์ ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอว่า สารกำจัดแมลงคลอร์ไพรอฟอส นั้นสามารถแบนได้ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีสารเคมีชนิดอื่นทดแทนอยู่แล้ว แต่สารกำจัดวัชพืชอีก 2 ชนิด คือ ไกลโฟเสต และ พาราควอต จะให้แบนทันทีนั้นย่อมมีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรอย่างแน่นอน


แหล่งที่มา

เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์
https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_130531
© 2017-2018 Office of the University Library, Kasetsart University.
forumถามกูรู